Welcome

Innovation distinguishes between a leader and a follower.

" นวัตกรรมแยกผู้นำกับผู้ตามออกจากกัน " Steve Jobs



WebSphere คืออะไร?


WebSphere ก็คือ Web Server ของ IBM น่ะครับ สมัยก่อนเห็นเขาใช้ Apache 2.x มาดัดแปลงWebSphere Commerce ก็คือเวป E-Commerce ที่ IBM คิดขึ้นมา ราคา $80,000 ต่อ CPU สามารถทำงานกับ Windows Server, Linux และ AIX ได้ ตัวโปรแกรมจะพัฒนามาจาก J2EEโปรแกรมจะมี 10 แผ่น CD โดย 5 แผ่นแรกจะเป็น Minimal recommended installation เช่น IBM DB2, IBM HTTP Server, WebSphere Application ServerServer ที่ใช้ควรมี CPU สูงกว่า Pentium III 733 MHz, หน่วยความจำ 2 GB ต่อ CPU, เนื้อที่ Hard Disk 4.5 GB ขึ้นไปสำหรับโปรแกรม และอีก 6 GB สำหรับข้อมูล, เนื้อที่สำหรับ Swap อีก 1 GB ต่อ CPU



IBM WebSphere Software Platform

IBM WebSphere Software Platform คือตระกูลซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานสำหรับอีบิสซิเนสแบบครบวงจร ยืดหยุ่นและพร้อมเติบโตกับธุรกิจ มอบความถูกต้อง ปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ โดยอยู่บนมาตรฐานแบบเปิด ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อก่อให้เกิด e-business platform ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็วทันใจ







WebSphere Software จึงได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของธุรกิจ ที่จะต้องรับมือกับการแข่งขันอันดุเดือด และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว ไอบีเอ็มสร้างเว็บสเฟียร์ด้วยองค์ประกอบสามส่วนหลัก ซึ่งได้แก่

Business Portal คือ ส่วนที่ติดต่อและทำหน้าที่ในการเชื่อมผู้ใช้เข้ากับข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ สร้างความพึงพอใจและสร้างประสบการณ์ในการใช้งาน ประกอบไปด้วย 1.) Portal โดยคุณสามารถกำหนดให้พอร์ทัลแสดงข้อมูลให้ง่ายในการใช้งานและเหมาะสมกับผู้ใช้ ซึ่งนับเป็นการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังเป็นการทำให้ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พาร์ตเนอร์ หรือพนักงานในองค์กร สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็นมากที่สุด 2.) Pervasive หรือการใช้งานแอพพลิเคชันหรือทำงาน อุปกรณ์สื่อสารไร้สายต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเข้ามามีบทบาทและสนับสนุนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่ใด หรือเวลาใดก็ตาม 3.) Commerce คือการสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการทำธุรกรรมแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ในองค์ประกอบนี้ อาทิ WebSphere Portal, WebSphere EveryPlace Access หรือ WebSphereCommerce เป็นต้น

Besiness Integration นับได้ว่าเป็นหัวใจของอีบิสซิเนสออนดีมานด์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อข้อมูลแอพพลิเคชัน ขบวนการในการทำงานและพนักงานในองค์กรเข้าด้วยกันตลอดทั่วทั้งองค์กร ทำให้คุณสามารถบริหารทรัพยากรในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบใด ๆ ในอดีตหรืออนาคตและพร้อมจะปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อรับมือกับเงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทันท่วงที ตัวอย่างซอฟต์แวร์ อาทิ WebSphere MQ หรือ WebSphere Business Integration เป็นต้น

Foundation and Tools พื้นฐานและเครื่องมือหลักซึ่งเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อนอีบิสซิเนสให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไอบีเอ็มได้เตรียมเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นไว้ให้กับนักพัฒนาอย่างครบถ้วนด้วยเครื่องมือในการพัฒนาแอพพลิเคชันโดยอ้างอึงกับพื้นฐานระบบเปิดและยืดหยุ่นพร้อมที่จะเติบโตได้ อาทิ เทคโนโลยี Web Service, JAVA, J2EE หรือ XML เป็นต้น สามารถใช้ประโยชน์และทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของพอร์ทัลและมิดเดิลแวร์จากไอบีเอ็มได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเหลือในการทำงานเป็นทีมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ และการเชื่อมต่อกับระบบภายนอกที่หลากหลายจาก WebSphere Application Server จึงมั่นใจได้ว่าแอพพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นและการประสานระบบงานภายในองค์กรจะตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตัวอย่างซอฟต์แวร์ อาทิ WebSphereApplication Server, WebSphere Studio Application Developer เป็นต้น

WebSphere Application Server V5.0.2

คือ โครงสร้างหลักของการสร้างเว็บแอพพลิเคชันเปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักหรือเป็น Engine ของอีบิสซิเนสมีประสิทธิภาพสูง ยืดหยุ่นรองรับการเติบโตและขยายขนาดได้ในเวอร์ชันนี้ ไอบีเอ็มได้เติมเต็มความสามารถสำหรับสนับสนุนอีบิสซิเนสของ WebSphere ให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนไคลเอ็นต์คอนเทนเนอร์ และก้าวเข้าสู่การสนับสนุน Java Development Kit (JDK)1.4 ที่จะทำให้การพัฒนาแอพพลิเคชันทางธุรกิจง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยลงการสนับสนุนเว็บเซอร์วิสให้มีฟังก์ชันและความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานการสนับสนุนเพลตฟอร์มที่หลากหลายความสามารถในการจัดการที่ครบถ้วน รวมไปถึงการทำงานร่วมกับฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย







เปิดประตูธุรกิจสู่เว็บเซอร์วิส

เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วว่า เว็บเซอร์วิสได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ระบบหรือแอพพลิเคชันซึ่งแตกต่างกันสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการพัฒนาแอพพลิเคชันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง WebSphere Application Server เวอร์ชันใหม่นี้ได้เพิ่มฟังก์ชันสนับสนุนการทำงานร่วมกันและฟังก์ชันทางด้านความปลอดภัยให้กับเว็บเซอร์วิสมากยิ่งขึ้น







WebSphere Application Server V5.0.2

WebSphere Application Server V5.0.2 ยังเป็นแอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ตัวแรกในตลาดขณะนี้ ที่สนับสนุน WS-l Basic Profile 1.0 ซึ่งเป็นดราฟที่เพิ่งจะได้รับการรับรองเมื่อเดือนกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชันเว็บเซอร์วิสโดยมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำงานร่วมกับสภาวะแวดล้อมและระบบที่หลากหลายได้อย่างแน่นอน

เว็บเซอร์วิสไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อระบบบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น หากแต่ยังเป็นช่องทางที่ทำให้สามารถสื่อสารหรือผสานระบบใหม่เข้ากับระบบเดิม (Legacy System) ได้อีกด้วยเว็บเซอร์วิสใน WebSphere จะช่วยให้งานในการอินทริเกรตกระบวนการและคอมโพเน็นต์ของธุรกิจ ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดเด่นของโซลูชัน WebSphere ในการสนับสนุนมาตรฐานใหม่ ๆ จะทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่า แอพพลิเคชันที่สร้างขึ้นในวันนี้ จะยังคงสามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันหรือโซลูชันอื่นๆ ในอนาคตได้อย่างมั่นใจ







รองรับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

ในเวอร์ชัน 5.0.2 แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ WebSphere และ WebSphere Network Deployment สนับสนุนแพลตฟอร์มที่หลายมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้ NativeDeployment Manager สำหรับแพลตฟอร์มที่ WebSphere เวอร์ชันนี้สนับสนุนประกอบด้วย



เซิร์ฟเวอร์ตระกูล eServer ของไอบีเอ็มอาทิ iSeries pSeries zSeriesที่ใช้ลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการ

ลีนุกซ์ไคลเอ็นต์ (United Linux 1.0)

โซลารีส 9

วินโดวส์ 2003 (.NET) เซิร์ฟเวอร์ 32 บิต

วินโดวส์เอ็กซ์พี โปรเฟสชันแนล (สนับสนุนไคลเอ็นต์)

วินโดวส์เอ็กซ์พี (สำหรับการพัฒนาและทดสอบเท่านั้น)



การสนับสนุนมาตรฐานเปิด

การสนับสนุนมาตรฐานอุตสาหกรรมนับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความสามารถในการทำงานร่วมกันและความสามารถในการขยายระบบในเวอร์ชันใหม่ WebSphere เพิ่มการสนับสนุนไคลเอ็นต์คอนเทนเนอร์ JDK 1.4 ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกที่จะไปสู่การสนับสนุน J2EE 1.4 ด้วย JDK 1.4 องค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีของจาวาในการพัฒนาแอพพลิเคชันที่ธุรกิจต้องการได้โดยใช้ทรัพยากรและเวลาที่น้อยกว่าเดิม

นอกจากนี้ทางไอบีเอ็มยังได้เพิ่มฟังก์ชันอีกเป็นจำนวนมากให้กับเครื่องมือในการสร้างแอพพลิเคชัน (Application Assembly Tool)โดยจะอยู่ในรูปของ WebSphere Application Toolkitเครื่องมือตัวนี้มีพื้นฐานการทำงานบน Eclipse Framework (WWW.eclipse.org)ดังนั้นจึงสามารถทำงานร่วมกับสภาวะแวดล้อมของ WebSphere Studioได้อย่างมีประสิทธิภาพและ นอกจากฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นแล้วไอบีเอ็มยังได้ปรับปรุงความสามารถในการใช้งานให้สะดวกขึ้นผ่านส่วนติดต่อกับผู้ใช้ของทูลเซตจาก Eclipse ทูลคิตนี้นับเป็นคำตอบที่เหมาะสมสำหรับในการจัดแพ็กเกจแอพพลิเคชัน J2EE ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนหากจะทำเองด้วยมือ ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่มีหะช่วยนักพัฒนาในการอัพเดต XML สำหรับขั้นตอนการรวมแพ็กเกจและยังช่วยในงานของการติดตั้งแอพพลิเคชันอีกด้วย ตัว Assembly Toolkit ซึ่งสามารถเข้าใช้ได้ผ่าน WebSphere Developer Domain โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Application Server Toolk



Dynamic Workload Management

ด้วย Dynamic Workload Management ที่นับเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการประมวลผลแบบ Grid Computing ที่ผู้ดูแลระบบสามารถใช้ในการตรวจสอบ (monitor) และจัดการปริมาณงาน (workload)ของแอพพลิเคชันได้อย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าแนวคิดหลักของ Grid Computing จะเป็นการบริหารปริมาณานของตัวประมวลผลในฮาร์ดแวร์ของงานคำนวณทางด้านวิทยาศาสตร์มาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการประมาลผลของแอพพลิเคชันทางธุรกิจแบบขนานด้วยเซิร์ฟเวอร์หลาย ๆ เครื่องได้เช่นเดียวกัน

ตัว Dynamic Workload Management จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอพพลิเคชันและอัตราการใช้งานทรัพยากรของเซิร์ฟเวอรืให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นด้วยกลไกอัจฉริยะ Traffic cop ในอดีต เวิร์กโหลดของแอพพลิเคชันจะได้รับการประมวลผลบนคลัสเตอร์ของเซิร์ฟเวอร์แบบ Static ในขณะที่ฟังก์ขันของ Dynamic Workload Management จะมีการประเมินและวิเคราะห์ว่า โหลดของแอพพลิเคชันควรจะได้รับการประมวลบนคลัสเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ตัวใดอย่างอัจฉริยะซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น เพราะงานที่เริ่มไปแล้ว ยังสามารถได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้นได้









WebSphere กับแอพพลิเคชันของธุรกืจ

ด้วยความสามารถและการปรับปรุงใน WebSphere V5.0.2 จะช่วยให้ทั้งการพัฒนา ติดตั้ง และดูแลแอพพลิเคชันของธุรกิจทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น WebSphere ไม่ได้เป็นเพียงแค่แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ที่นำเอาโมดูลของแอพพลิเคชันมาปฏิบัติงานเท่านั้น หากแต่ยังมาพร้อมกับเครื่องมือที่จะสนับสนุนกระบวนการในการพัฒนา (Development) และติดตั้ง (Deployment) ที่ครบวงจรอีกด้วย ในปัจจุบันธุรกิจจำนวนมากสร้างแอพพลิเคชันอีบิสซิเนสซึ่งมีการเข้าถึงการทำธุรกรรมและส่งข้อมูลผ่านเว็บเป็นหลัก แต่ในอนาคตอีบิสซิเนสต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองกับความต้องการของธุรกิจที่มีความเป็นไดนามิกมากขึ้นนั่นหมายความถึงเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยีพื้นฐานอย่าง HTML/HTTP สำหรับเว็บ, J2EE สำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชันและXML สำหรับการเก็บข้อมูลที่จะให้แลกเปลี่ยนไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง SOAP/WSDL สำหรับการเรียกใช้เซอร์วิสระหว่างระบบและ UDDI สำหรับการค้นหาเซอร์วิสของ WebSphere จะช่วยให้ธุรกิจมีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการสร้างแอพพลิเคชันอีบิสซิเนสที่ครบถ้วนทั้งในวันนี้และในอนาคต









ข้อมูลจากPC Maganize

IBM.com

http://akrasoft.com/news/IBM_WebSphere_Software.htms

http://www.narisa.com/forums/index.php?showtopic=17895


0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

 
JUNCTION X © 2013. All Rights Reserved. Powered by Blogger
Top