. . . . . นิยามของ
“ความสุข” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนความสุขเกิดขึ้นง่ายๆเกิดได้ตลอดเวลา
บางคนก็เกิดขึ้นยากเย็นแสนเข็น
ผมคิดว่าตัวผมเองเป็นคนที่มีความสุขกับชีวิตมากๆคนหนึ่ง
ผมสามารถเก็บเกี่ยวความสุขได้เสมอๆจากสิ่งรอบตัวและกิจวัตรประจำวัน
โดยเฉพาะจาก “การทำงาน”
ในหนึ่งวันเรามี 24 ชั่วโมง
ในวันๆหนึ่งเราทำงานกันอย่างน้อย
8 ชั่วโมง
บางคน ทำมากกว่านั้นมากนัก
เราใช้เวลาอยู่กับงานไปแล้วอย่างน้อย
1 ใน 3
ของวัน
คงจะเป็นการดีไม่ใช่น้อย
ถ้าเราทำงานได้อย่างมีความสุข
มีแนวคิดนึง
ที่ผมใช้ในชีวิตประจำวัน ที่น่าจะเป็นผลดีกับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ
ขอตั้งชื่อว่า
>>>>> ความสุข สามเด้ง <<<<<<
> ความสุขเด้งแรก
การรักในสิ่งที่ทำ
ผมค่อนข้างโชคดีที่ ผม “หลงรัก” งานที่ผมทำ
หลงใหลการทำงานสาย IT สนใจงานเขียนโปรแกรม
มีความสุขกับ Code ยึดยือ ที่สรรสร้างออกมาเป็น กราฟฟิกที่
สวยงาม คนใช้ใช้งานง่าย และมีความสุข กับสิ่งที่เราสร้าง ยิ่งคนใช้มีความสุข
ผมยิ่งภูมิใจกับสิ่งที่เราสร้าง ผมมักจะชอบ ไปดูสถิติ ว่าวันนี้ มีคนเข้ามา
ใช้งานระบบของเรากี่คน มีคนคลิกตรงไหนบ้าง แล้วแอบนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
ผมทำงานให้กับหน่วยงานอิสระ
ในความควบคุมของรัฐ ผมทำงานห้าวันต่อสัปดาห์และในหลายๆวันมีนอกเวลา
และหลายๆครั้งที่ต้องมาทำงานในวันหยุด โดยที่ไม่ได้โอที
หรือค่าตอบแทนทำงานล่วงเวลาใดๆเลย
มันคงเป็นการยากที่จะบอกว่าทำไมถึงจะรักงานที่ทำ
….
แต่เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก
เราจะทำมันไปเรื่อยๆโดยลืมความเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
สมัยเป็นเด็กน้อย
ผมชอบเล่น ดีดลูกแก้ว (ซึ่งโดยมาก ผมมักจะโดนกิน) ผมเข้าขั้นหลงใหล
ผมซ้อมดีด ฝึกงอนิ้ว
ฝึกทอย วันแล้ววันเล่า โดยที่ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยแต่ประการใด
ในทำนองเดียวกันเมื่อผมโตขึ้น
ผมเปลี่ยนจากจากเล่นดีดลูกแก้วเป็นการเล่นทำงาน
มองงานเป็นความสนุก
มองเป็นความเพลิดเพลิน
ผมทำงานวันแล้ววันเล่า
ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า โดยที่ไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยมากเท่าใด
ในทางกลับกันวันใดที่ผมไม่มีโปรเจค
ไม่มีงานใหม่ๆที่ท้าทายเข้ามาให้ทำ มาให้ลับสมอง
ผมมักจะรู้สึก นอย เบื่อ
และ เริ่มรู้สึกเหนื่อย
ถ้าเมื่อใดที่เราเริ่มรู้สึกว่าเรา
รักในสิ่งที่ทำ
เมื่อนั้น
ผมเชื่อว่าเวลาทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันอาจจะผ่านไปเร็วกว่าที่คิด....
> ความสุขเด้งที่สอง
ทำในสิ่งที่รัก
นอกจากความนิยมชมชอบการท่องเที่ยว
สุขภาพ และการออกกำลังกาย เป็นชีวิตจิตใจแล้ว ผมเผอิญโชคดีอีกครั้งทีผมตกหลุมรักศิลปะและการออกแบบ
ผลงานใหม่ๆ
การออกแบบใหม่ๆ จึงออกมาเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
สมัยเป็นเด็ก ผมชอบเล่นเกมแฟมิลี่
และเกมกด พวก มาริโอ้ คอนตร้า ร็อคแมน
จัดการเหล่าศัตรู
มุ่งไปข้างหน้าท่ามกลางอันตราย ท้ายด่านจะมีศัตรูตัวฉกาจจะโผล่ออกมา
เมื่อเราปราบสำเร็จ
เราก็จะผ่านด่านข้ามไปสู้เส้นทางที่ยากกว่า
และในขณะเล่นในเกมจะมีผู้ช่วยพิเศษๆ
ความสามารถพิเศษ อาวุฒใหม่ๆ เขามาช่วยเหลือตัวเอกเสมอ
ในทำนองเดียวกันเมื่อผมโตขึ้น
ผมเปลี่ยนจากเกมเป็น เกมการทำงาน
เกมธุรกิจที่มีแต่ความท้าทาย
มุ่งไปข้างหน้าท่ามกลางเส้นทางหฤโหด
ผมมักมองหาขุนพลมือฉมังเพื่อไว้ปรึกษาปัญหา คอสอบรมสัมนาดีดีเพื่อเพิ่มสกิลให้ตัวเอง และมักจะเข้างาน Event สัมนา ทางวิชาการ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่างๆมากมาย เพื่อหา Connection และ Skill เขามาช่วยเหลือเราในการฝ่าด่านหินในการทำงานอย่างสมำ่เสมอ เกมการทำงานของผมมักจะมีด่านใหม่ๆ มาให้เล่นเสมอ และเมื่อผมผ่านด่านแรกๆไป ด่านต่อไปที่จะต้องเจอก็จะยาก และท้าทายความสามารถยิ่งขึ้น
>ความสุขเด้งที่สาม
ทำตามฝัน
ผมมีความฝันเล็กๆยามอายุเยอะๆ
ผ่านประสพการณ์มาเยอะ คือ การสอนหนังสือ ผมตั้งใจว่าจะทำ...
ผมต้องการที่จะ “ถ่ายทอดความรู้” ที่ผมมีออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะจากไปอย่างสงบ
ผมต้องการที่จะ “ถ่ายทอดความรู้” ที่ผมมีออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะจากไปอย่างสงบ
ความฝันของผมคือมองย้อนกลับมาในอดีต
เห็นสิ่งที่เราสร้างมากับมือ ขยายตัว มีคนใช้งานมากมาย มองเห็นรอยยิ้มและความสุข
ของคนที่ใช้งานในสิ่งที่ผมสร้าง
ผมจิตนาการ ในยามที่ผมแก่
ผมเห็นชายแก่คนนึง นั่งยิ้มอยู่คนเดียว ข้างๆตึก ตึกที่เขาเป็นคนสร้าง
ชายแก่คนนั้น มองไปยังเด็กหนุ่มสาว ที่กำลัง หยิบมือถือมา กำลังเล่น App ซึ่งเป็น App ที่ผมเป็นคนคิดค้น นึกถึงตอนนั้น ผมคงภูมิใจไม่น้อย
ภูมิใจที่ได้เป็นผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ ดังที่ใฝ่ฝันเอาไว้
มีคนถามผมว่าทำไปทำไม
ทำเพื่ออะไร ?
ไม่เห็นจะได้อะไรเลย
ตายไปก้เอาไรไปไม่ได้...
แล้วมัน ...ได้อะไร? ...
ผมเข้าใจว่าผู้ถามน่าจะถามถึงเรื่องของ
“ผลตอบแทน”
ผลตอบแทนหรือสิ่งที่ผมได้รับวัดค่ายากและจับต้องไม่ได้
...
แต่ผลตอบแทนได้เต็มๆ
กำไรเนื้อๆ และ เน้นๆ นั่นคือความสุข ความสุขมันไม่ได้หากันง่ายๆ คุณมีเงินแสนล้าน
คุณซื้อความสุขได้มั้ย ตอบว่าซื้อได้ แต่ก็เป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราว
ความสุขแบบยั่งยืนนั้นหายาก ทำแล้วมีความสุข นี่เหละ คือผลตอบแทนที่
คุ้มค่าที่สุดในชีวิตผม
ถ้าคุณจะสร้างอะไร แล้วหวังผลตอบแทนเยอะ เหมือนการทำบุญแล้วหวังผล คุณจะไม่มีความสุข เมื่อคุณผิดหวัง เพราะฉะนั้น วิธีของผมคือ ไม่ต้องหวัง ทำบุญทุกครั้งผมไม่เคยอธิฐาน เพราะสิ่งที่ผมต้องการ ผมจะสร้างด้วยตัวผมเอง
ถ้าเราเชื่ออย่างสนิดใจว่า ทำบุญแล้วได้บุญ เราก็ไม่จำเป็นต้องอธิฐานขอสิ่งใดเมื่อทำบุญ
ถ้าเราเชื่ออย่างสนิดใจ ว่าทำดีแล้วได้ดี เราก็จะทำดีต่อผู้อื่นโดยไม่จำเป็นต้องหวังว่าคนอื่นจะต้องทำดีต่อเรา
ถ้าคุณจะสร้างอะไร แล้วหวังผลตอบแทนเยอะ เหมือนการทำบุญแล้วหวังผล คุณจะไม่มีความสุข เมื่อคุณผิดหวัง เพราะฉะนั้น วิธีของผมคือ ไม่ต้องหวัง ทำบุญทุกครั้งผมไม่เคยอธิฐาน เพราะสิ่งที่ผมต้องการ ผมจะสร้างด้วยตัวผมเอง
ถ้าเราเชื่ออย่างสนิดใจว่า ทำบุญแล้วได้บุญ เราก็ไม่จำเป็นต้องอธิฐานขอสิ่งใดเมื่อทำบุญ
ถ้าเราเชื่ออย่างสนิดใจ ว่าทำดีแล้วได้ดี เราก็จะทำดีต่อผู้อื่นโดยไม่จำเป็นต้องหวังว่าคนอื่นจะต้องทำดีต่อเรา
นี่คือเรื่องราวความสุขเล็กๆ
ที่เกิดขึ้นตลอดเวลางานทั้งสามเด้งของผม
ในวันๆหนึ่ง
ร่างกายของผมก็ต้องมีเหนื่อย มีเมื่อย มีล้า บ้างเป็นธรรมดา
แต่หัวใจของผมแข็งแรงและก็มี
... สุข ... สนุก ... ดี ... ในทุกๆวัน
ขอให้บทความชิ้นนี้จงได้สร้างประโยชน์ให้แก่ท่านผู้อ่านทุกท่าน
สวัสดีครับ
กิตติพีชญ์