JUNCTION X

ข้อคิดที่ได้จาก Whiplash (2014) ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ

<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8ze_lxQE0ECbLx30Js8p34K1ryc3XNQG31rEp_sK65F25WWJgpw8zcLjMYtIc9KN506GP7Rei-VIhZaFNnQ3IA6m1HJ-JMRd7EScl2f_q73RNknysPXabD0nlpCFX9c8_MDdWOOYjdorp/s1600/1413962565-Whiplash-o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8ze_lxQE0ECbLx30Js8p34K1ryc3XNQG31rEp_sK65F25WWJgpw8zcLjMYtIc9KN506GP7Rei-VIhZaFNnQ3IA6m1HJ-JMRd7EScl2f_q73RNknysPXabD0nlpCFX9c8_MDdWOOYjdorp/s1600/1413962565-Whiplash-o.jpg" /></a></div>
 
 
8.7 คะแนน IMDB 
 
เรื่อง ราวของมือกลองหนุ่ม ที่ไม่อยากเป็นแค่แบคอัพในวงดนตรี หากแต่ต้องการจะก้าวขึ้นเป็นมือกลองระดับโลก เขาต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ยิ่งกว่าออกรบ ทั้งความกดดัน ความหนักหน่วง ความเจ็บปวด นี่คือสิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้า สำหรับการก้าวไปสู่ความฝัน...เป็นภาพยนตร์ที่แม้จะไม่มีอาวุธใดๆ ทั้งปืน มืด ระเบิด แต่สนุกอย่างเหลือเชื่อราวกับคุณกำลังชมภาพยนตร์แอ็คชั่นมันส์ๆซัก เรื่องอยู่ และอาวุธของพวกเขา คือ ไม้กลอง สแนร์ และ แรงแขน ที่พร้อมจะฟาดฟันทุกอุปสรรคที่จะเข้ามา 
ลูกโลกทองคำ 2015 รางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม J.K. Simmons - Whiplash 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDz93K1JCfaukeAl1INe0Z2ezSYxrREvoDY3ryNR1CdF0cuUuvEph5qBQKmG2voJ8toVqskwnp42rtychMjjKsQPI2ewQ5KTeOl8XEeZEypnuSn7VZeRmIV3g2ATx3irJ4NcXPZ0-x60KU/s1600/1413682500-1279161bac-o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="225" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDz93K1JCfaukeAl1INe0Z2ezSYxrREvoDY3ryNR1CdF0cuUuvEph5qBQKmG2voJ8toVqskwnp42rtychMjjKsQPI2ewQ5KTeOl8XEeZEypnuSn7VZeRmIV3g2ATx3irJ4NcXPZ0-x60KU/s320/1413682500-1279161bac-o.jpg" width="400" /></a></div>
 
 
ดูหนังเรื่อง Whiplash (2014) จบแล้วได้อะไรหลายอย่าง 
 
อย่างแรกเลย มันทำให้นึกถึงตัวเอง 
 
เราทะเยอทยานเกินไปมั้ย หยึ่งผยองเกินไปรึปล่าว 
เราทำบางอย่างเกินพอดีไปมั้ย บ้างครั้งเราสนใจคนรอบข้างบ้างมั้ย 
เราเลือกที่จะบอกลาบางอยาง เพื่อเป้าหมาย  ....... 
.... แตลืมไปรึปล่าว ว่าสิ่งเราบอกลาไปแล้ว ไม่มีวันเอาสิ่งนั้นกลับคืนมาได้อีก 
เราเสียสละมาเยอะแค่ไหน มันค้มมั้ย กับผลที่ได้มา 
 
ตอนต้นเรื่อง ผมคิดแบบนี้ ..... 
 
แต่สุดท้าย เมื่อดูจบ กลับคิดตรงข้าม เราพยายามพอแล้วหรือยัง เราก้าวข้ามคนธรรมดาไปแล้วหรือยัง แรงผลักดันยังมีอยู่มั้ย เราเคยทำอะไรแบบที่ว่าสุดๆ เลือดกระเด็น เหมือนที่พระเอกตีกลองจนเลือดอาบกลองแล้วหรือยัง  ถ้าคำตอบคือยัง เราก็ยังเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใด้สุดยอดเหมือนที่ตั้งเป้าเอาไว้ 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgteTrUYmdMpPcm44OytXboa35M6sGb5cgCK7kxW3bQj3tgmd-eTPKeMJTpv0mMvfQ0UFoGp3hHBYIQ1BSrig43iNgl_pmpqW01HoOcn9gk-amb3_LTiogNty9ooxRnhuQsHOouvSRaqAdB/s1600/whiplash.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgteTrUYmdMpPcm44OytXboa35M6sGb5cgCK7kxW3bQj3tgmd-eTPKeMJTpv0mMvfQ0UFoGp3hHBYIQ1BSrig43iNgl_pmpqW01HoOcn9gk-amb3_LTiogNty9ooxRnhuQsHOouvSRaqAdB/s1600/whiplash.jpg" width="400" /></a></div>
 
<div style="background-color: white; color: #141823; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 14.4444446563721px; line-height: 21.466667175293px; margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
- หนังไม่ได้มองโลกสวย แต่มองโลกแห่งความเป็นจริง ที่ไม่มีอะไรเป็นสูตรสาเร็จ ไม่ใช่หนังแนวสูตรตายตัว "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น"</div>
 
<div class="text_exposed_show" style="background-color: white; color: #141823; display: inline; font-family: Helvetica, Arial, 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 14.4444446563721px; line-height: 21.466667175293px;">
<div style="margin-bottom: 6px;">
- หนังไม่ได้สื่อว่า พยายามอย่างหนัก แล้วมันจะสำเร็จ แต่ก็เฉลยว่าความสำเร็จเกิดจากความพยายาม</div>
<div style="margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
- หนังถ่ายทอดความคิดของโค๊ชที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็สื่อออกมาในตัวตนที่เป็นคนธรรมดา...มีอารมณ์ ความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง ได้ เหมือนๆ เราๆ ท่านๆ</div>
<div style="margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
- หลายครั้ง ที่เราเอาแต่โทษคนอื่น ที่ทำให้เราผิดพลาด แต่ ความเป็นจริงแล้ว ตัวเราต่างหาก ที่เลือกแบบนี้เอง เรามีโอกาศปฏิเสธตั้งหลายครั้ง แต่เรากลับไม่ทำ..... 
<div style="line-height: 21.466667175293px; margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
และอีกคำพูจของ ทอเร้น ถือว่าคมที่สุดใรเรื่อง</div>
<div style="line-height: 21.466667175293px; margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
"There are no two words in the English language more harmful than good job." ไม่มีคำพูดไหนที่เป็นภัยไปมากกว่า "ทำดีแล้ว" เพราะเมื่อไรที่เราเชื่อว่าเราทำดีแล้ว เราก็จะขาดความพยายาม</div>
<div style="line-height: 21.466667175293px; margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
Terence Fletcher - Whiplash</div>
</div>
<div style="margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
หันกลับมามองตัวเอง "ที่ผ่านมาเราพยายามพอหรือยัง?" เราเลือดกระเด็น เหงื่อกระจาย เหมือนพระเอกแล้วหรือยัง ถ้าคำตอบคือ "ยัง" แสดงว่าเรายังไม่ได้ก้าวผ่านขีดจำกัดของคนธรรมดา คนที่สุดยอดระดับโลก เค้าต้องก้าวผ่านจุดนี้ไปก่อน  จุดที่ทำให้เราเหนือกว่าคนธรรมดา </div>
<div style="margin-bottom: 6px; margin-top: 6px;">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgghblD4B83FzfemLf0qEWYQ1FfbdLcYW8j35uGS0DIQHDH_CDhy2vT0zWHVTb8ayL-lBic0q-WK9nQazIQgG7vsJ0f3d7zpbB3N4TinopREQATgVPzIrw4rVYaNAyZBicv7gHi6v8t-Y0_/s1600/tumblr_nifl6aVyUY1u8ukfdo1_400.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="160" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgghblD4B83FzfemLf0qEWYQ1FfbdLcYW8j35uGS0DIQHDH_CDhy2vT0zWHVTb8ayL-lBic0q-WK9nQazIQgG7vsJ0f3d7zpbB3N4TinopREQATgVPzIrw4rVYaNAyZBicv7gHi6v8t-Y0_/s1600/tumblr_nifl6aVyUY1u8ukfdo1_400.gif" width="320" /></a></div>
 </div>
</div>

ข้อคิดที่ได้จาก Whiplash (2014) ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ

8.7 คะแนน IMDB เรื่อง ราวของมือกลองหนุ่ม ที่ไม่อยากเป็นแค่แบคอัพในวงดนตรี หากแต่ต้องการจะก้าวขึ้นเป็นมือกลองระดับโลก เขาต้องผ่านการฝึก...

อ่านเพิ่มเติม »

วันอังคาร, มกราคม 20, 2558

วิธีแก้ qTranslate plugin ทำให้ visaul Editor error ไม่ทำงาน เมื่ออัพเดท Wordpress 3.9

สำหรับคนที่ต้องการทำเว็บ Wordpress หลายภาษาผมว่า คงจะรู้จักกับ เจ้า Plusgin ที่ชื่อว่า  qTranslate  สำหรับบทความ แนะนำ ตัวนี้ ผมยังทำไม่เสร็จ แต่ขอทำบทความ แก้ใข ข้อผิดพลาด ของ เจ้า qTranslate  ก่อน โดย เจ้าตัวนี้ จะชอบมีปัญหา เวลา Wordpress Update Version เรียกได้ว่าปวดหัวไม่น้อย แต่ ถ้าเราคุ้นเคย เคยชินกับ มัน มันจะไม่ยากเกินไป หรือ เรารู้แหล่ง ข้อมูล ที่ มีคนใช้งานตัวนี้เยอะๆ แลกเปลี่ยนวิธีแก้ใขปัญหากัน ก็ยิ่งง่าย เพราะปัญหาเกิด ปุ๋บ ก็จะมีกระทู้ ตั้งหาวิธีแก้ปั๋บ Soul ไปพร้อมๆกับ Deverloper ท่านอื่นๆ จากหลายๆประเทศ สนุกไปอีกแบบครับ 
 ปัญหาที่พบ  01/05/2014 
 
Wordpress มีการอัพเดท จาก 3.8 เป็น 3.9 อัพเดท ตัวทศนิยม หลักแรก แสดงว่า เป็น Pat ที่ใหญ่ พอควร 
 
อย่างแรกเลยที่ต้องเข้าไปแก้ คือ ไฟล์ qtranslate.php  บรรทัดที่  90 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8DEO9akS2K2978ImMIimjfY7nZTiCSS2kxD4_9EY5z_VjKbM3ZtoywMngV0hO4il1vyWwaL1337tRN8cddQK3ogRkhe_l82aSpD72Zge9wp3Tp66HFVbtQAPUVNsJtVvxiyHoFNDySw3j/s1600/12-5-2014+13-33-58.png" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="120" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8DEO9akS2K2978ImMIimjfY7nZTiCSS2kxD4_9EY5z_VjKbM3ZtoywMngV0hO4il1vyWwaL1337tRN8cddQK3ogRkhe_l82aSpD72Zge9wp3Tp66HFVbtQAPUVNsJtVvxiyHoFNDySw3j/s1600/12-5-2014+13-33-58.png" width="640" /></a></div>
 
 
 
 ตรงนี้ จะต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่ wordpress เปลี่ยน Version ส่วน อัพเดทครั้งใหญ่ ที่ผ่านมา ผมอาศัย ไฟล์ ที่ Deverloper ท่านอื่น แก้ มา แล้ว ดาวน์โหลดไปทับ ดังนี้ มี สามไฟล์ ที่ต้องแก้ ตาม ด้านล่างเลยครับ 
 
<div class="bubble" id="file-qtranslate_hooks-php" style="background-color: #eeeeee; border-bottom-left-radius: 3px; border-bottom-right-radius: 3px; border-top-left-radius: 3px; border-top-right-radius: 3px; box-sizing: border-box; color: #333333; font-family: Helvetica, arial, freesans, clean, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 18.200000762939453px; margin-bottom: 12px; padding: 3px;">
<div class="file-box " style="background-color: #ececec; border: 1px solid rgb(204, 204, 204); box-sizing: border-box; position: relative;">
<div class="meta" style="background-color: #fafafa; border-bottom-color: rgb(216, 216, 216); border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; box-sizing: border-box; color: #555555; font-size: 12px; height: 34px; position: relative;">
<div class="file-info" style="box-sizing: border-box; float: left; height: 34px; line-height: 33px;">
<strong class="file-name js-selectable-text" style="box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; left: 30px; overflow: hidden; position: absolute; text-overflow: ellipsis; top: 0px; white-space: nowrap; width: 610px;"><a href="https://gist.githubusercontent.com/warenhaus/10990386/raw/qtranslate_hooks.php">qtranslate_hooks.php</a></div>
<div class="file-actions" style="box-sizing: border-box; float: right; height: 34px; line-height: 34px;">
PHP 
<ul class="button-group" style="background-image: none; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; border-bottom-left-radius: 0px; border-bottom-right-radius: 0px; border-top-left-radius: 0px; border-top-right-radius: 0px; border: 0px; box-sizing: border-box; display: inline-block; margin-bottom: 0px; margin-top: 0px; padding: 0px; vertical-align: middle;">
<li style="border-left-color: rgb(216, 216, 216); border-left-style: solid; border-left-width: 1px; box-sizing: border-box; float: left; list-style-type: none;"><a aria-label="Permalink" class="file-actions-button tooltipped tooltipped-s permalink" href="https://gist.github.com/warenhaus/10990386#file-qtranslate_hooks-php" style="-webkit-transition: all 0.1s ease-in 0ms; box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; font-weight: bold; padding: 0px 4px 0px 10px; position: relative; text-decoration: none; transition: all 0.1s ease-in 0ms;"><span class="octicon octicon-link" style="-webkit-font-smoothing: antialiased; -webkit-transition: none; box-sizing: border-box; display: inline-block; font-family: octicons; font-size: 16px; font-weight: normal; line-height: 1; margin-right: 6px; transition: none;"></a></li>
<li style="border-left-color: rgb(216, 216, 216); border-left-style: solid; border-left-width: 1px; box-sizing: border-box; float: left; list-style-type: none;"><a aria-label="View Raw" class="file-actions-button tooltipped tooltipped-s raw-url js-view-raw" data-skip-pjax="" href="https://gist.github.com/warenhaus/10990386/raw/qtranslate_hooks.php" style="-webkit-transition: all 0.1s ease-in 0ms; box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; font-weight: bold; padding: 0px 4px 0px 10px; position: relative; text-decoration: none; transition: all 0.1s ease-in 0ms;"><span class="octicon octicon-code" style="-webkit-font-smoothing: antialiased; -webkit-transition: none; box-sizing: border-box; display: inline-block; font-family: octicons; font-size: 16px; font-weight: normal; line-height: 1; margin-right: 6px; transition: none;"></a></li>
</ul>
</div>
</div>
</div>
</div>
<div class="bubble" id="file-qtranslate_javascript-php" style="background-color: #eeeeee; border-bottom-left-radius: 3px; border-bottom-right-radius: 3px; border-top-left-radius: 3px; border-top-right-radius: 3px; box-sizing: border-box; color: #333333; font-family: Helvetica, arial, freesans, clean, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 18.200000762939453px; margin-bottom: 12px; padding: 3px;">
<div class="file-box " style="background-color: #ececec; border: 1px solid rgb(204, 204, 204); box-sizing: border-box; position: relative;">
<div class="meta" style="background-color: #fafafa; border-bottom-color: rgb(216, 216, 216); border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; box-sizing: border-box; color: #555555; font-size: 12px; height: 34px; position: relative;">
<div class="file-info" style="box-sizing: border-box; float: left; height: 34px; line-height: 33px;">
<strong class="file-name js-selectable-text" style="box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; left: 30px; overflow: hidden; position: absolute; text-overflow: ellipsis; top: 0px; white-space: nowrap; width: 610px;"><a href="https://gist.githubusercontent.com/warenhaus/10990386/raw/qtranslate_javascript.php">qtranslate_javascript.php</a></div>
<div class="file-actions" style="box-sizing: border-box; float: right; height: 34px; line-height: 34px;">
PHP 
<ul class="button-group" style="background-image: none; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; border-bottom-left-radius: 0px; border-bottom-right-radius: 0px; border-top-left-radius: 0px; border-top-right-radius: 0px; border: 0px; box-sizing: border-box; display: inline-block; margin-bottom: 0px; margin-top: 0px; padding: 0px; vertical-align: middle;">
<li style="border-left-color: rgb(216, 216, 216); border-left-style: solid; border-left-width: 1px; box-sizing: border-box; float: left; list-style-type: none;"><a aria-label="Permalink" class="file-actions-button tooltipped tooltipped-s permalink" href="https://gist.github.com/warenhaus/10990386#file-qtranslate_javascript-php" style="-webkit-transition: all 0.1s ease-in 0ms; box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; font-weight: bold; padding: 0px 4px 0px 10px; position: relative; text-decoration: none; transition: all 0.1s ease-in 0ms;"><span class="octicon octicon-link" style="-webkit-font-smoothing: antialiased; -webkit-transition: none; box-sizing: border-box; display: inline-block; font-family: octicons; font-size: 16px; font-weight: normal; line-height: 1; margin-right: 6px; transition: none;"></a></li>
<li style="border-left-color: rgb(216, 216, 216); border-left-style: solid; border-left-width: 1px; box-sizing: border-box; float: left; list-style-type: none;"><a aria-label="View Raw" class="file-actions-button tooltipped tooltipped-s raw-url js-view-raw" data-skip-pjax="" href="https://gist.github.com/warenhaus/10990386/raw/qtranslate_javascript.php" style="-webkit-transition: all 0.1s ease-in 0ms; box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; font-weight: bold; padding: 0px 4px 0px 10px; position: relative; text-decoration: none; transition: all 0.1s ease-in 0ms;"><span class="octicon octicon-code" style="-webkit-font-smoothing: antialiased; -webkit-transition: none; box-sizing: border-box; display: inline-block; font-family: octicons; font-size: 16px; font-weight: normal; line-height: 1; margin-right: 6px; transition: none;"></a></li>
</ul>
</div>
</div>
</div>
</div>
<div class="bubble" id="file-qtranslate_wphacks-php" style="background-color: #eeeeee; border-bottom-left-radius: 3px; border-bottom-right-radius: 3px; border-top-left-radius: 3px; border-top-right-radius: 3px; box-sizing: border-box; color: #333333; font-family: Helvetica, arial, freesans, clean, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 18.200000762939453px; margin-bottom: 12px; padding: 3px;">
<div class="file-box " style="background-color: #ececec; border: 1px solid rgb(204, 204, 204); box-sizing: border-box; position: relative;">
<div class="meta" style="background-color: #fafafa; border-bottom-color: rgb(216, 216, 216); border-bottom-style: solid; border-bottom-width: 1px; box-sizing: border-box; color: #555555; font-size: 12px; height: 34px; position: relative;">
<div class="file-info" style="box-sizing: border-box; float: left; height: 34px; line-height: 33px;">
<strong class="file-name js-selectable-text" style="box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; left: 30px; overflow: hidden; position: absolute; text-overflow: ellipsis; top: 0px; white-space: nowrap; width: 610px;"><a href="https://gist.githubusercontent.com/warenhaus/10990386/raw/qtranslate_wphacks.php">qtranslate_wphacks.php</a></div>
<div class="file-actions" style="box-sizing: border-box; float: right; height: 34px; line-height: 34px;">
PHP 
<ul class="button-group" style="background-image: none; background-position: initial initial; background-repeat: initial initial; border-bottom-left-radius: 0px; border-bottom-right-radius: 0px; border-top-left-radius: 0px; border-top-right-radius: 0px; border: 0px; box-sizing: border-box; display: inline-block; margin-bottom: 0px; margin-top: 0px; padding: 0px; vertical-align: middle;">
<li style="border-left-color: rgb(216, 216, 216); border-left-style: solid; border-left-width: 1px; box-sizing: border-box; float: left; list-style-type: none;"><a aria-label="Permalink" class="file-actions-button tooltipped tooltipped-s permalink" href="https://gist.github.com/warenhaus/10990386#file-qtranslate_wphacks-php" style="-webkit-transition: all 0.1s ease-in 0ms; box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; font-weight: bold; padding: 0px 4px 0px 10px; position: relative; text-decoration: none; transition: all 0.1s ease-in 0ms;"><span class="octicon octicon-link" style="-webkit-font-smoothing: antialiased; -webkit-transition: none; box-sizing: border-box; display: inline-block; font-family: octicons; font-size: 16px; font-weight: normal; line-height: 1; margin-right: 6px; transition: none;"></a></li>
<li style="border-left-color: rgb(216, 216, 216); border-left-style: solid; border-left-width: 1px; box-sizing: border-box; float: left; list-style-type: none;"><a aria-label="View Raw" class="file-actions-button tooltipped tooltipped-s raw-url js-view-raw" data-skip-pjax="" href="https://gist.github.com/warenhaus/10990386/raw/qtranslate_wphacks.php" style="-webkit-transition: all 0.1s ease-in 0ms; box-sizing: border-box; color: #333333; display: inline-block; font-size: 13px; font-weight: bold; padding: 0px 4px 0px 10px; position: relative; text-decoration: none; transition: all 0.1s ease-in 0ms;"><span class="octicon octicon-code" style="-webkit-font-smoothing: antialiased; -webkit-transition: none; box-sizing: border-box; display: inline-block; font-family: octicons; font-size: 16px; font-weight: normal; line-height: 1; margin-right: 6px; transition: none;"></a></li>
</ul>
</div>
</div>
<div class="file-data" style="background-color: ghostwhite; box-sizing: border-box; overflow: auto;">
</div>
</div>
</div>

วิธีแก้ qTranslate plugin ทำให้ visaul Editor error ไม่ทำงาน เมื่ออัพเดท Wordpress 3.9

สำหรับคนที่ต้องการทำเว็บ Wordpress หลายภาษาผมว่า คงจะรู้จักกับ เจ้า Plusgin ที่ชื่อว่า qTranslate สำหรับบทความ แนะนำ ตัวนี้ ผมยังทำไม่เสร็...

อ่านเพิ่มเติม »

วันอังคาร, พฤษภาคม 06, 2557

คุณอดทนต่อความล้มเหลว ได้กี่ครั้ง ?

คุณอดทนต่อความล้มเหลว ได้กี่ครั้ง ?

อ่านเพิ่มเติม »

วันจันทร์, เมษายน 14, 2557

9 วิธีพิชิตความเครียดในที่ทำงาน

<div class="drop-shadow round" style="margin-left: 20px;"> 
<h2> 
9 วิธีพิชิตความเครียดในที่ทำงาน</h2>หากคุณรู้สึกว่างานในแต่ละวันช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน ไหนจะมีประชุมแต่เช้าตรู่ นั่งทำงานที่โต๊ะไม่ถึง 10 นาที ก็มีโทรศัพท์เข้ามาไม่ขาดสาย บ่ายก็ต้องวิ่งรอกออกไปหาลูกค้า ตกเย็นยังต้องกลับมาทำรายงานส่งหัวหน้าอีก กลับบ้านไม่วายรถติดแสนติด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ต่อมเครียดถึงจุดเดือดได้อย่างไรกัน เพราะฉะนั้น Job Tips ก็มีไอเดียเด็ด พิชิคความเครียดในที่ทำงานมาฝากกัน 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a 0="" 1em="" clear:="" float:="" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5dQVrSDHpJFBhhpKOmke0EabAv2uGkd9HgEGOQ8M2uWu6_hyphenhyphen_9-TsYnivfQW1U6D4mPmzEFzUCudvyHBDOWEjTtjkF7Onjmj1_5daqZZg8g7hrgpYUYaMOwNSif4TrWhRO9vQNVLaBRO3/s1600/Working-Man-Head.jpg" imageanchor="0" left="" margin-bottom:="" margin-right:=""><img border="0" height="249" height:253="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5dQVrSDHpJFBhhpKOmke0EabAv2uGkd9HgEGOQ8M2uWu6_hyphenhyphen_9-TsYnivfQW1U6D4mPmzEFzUCudvyHBDOWEjTtjkF7Onjmj1_5daqZZg8g7hrgpYUYaMOwNSif4TrWhRO9vQNVLaBRO3/s1600/Working-Man-Head.jpg" style="
 margin-left: -5px;
 margin-top: -5px;
 border: none;
" width="640" width:640="" /></a></div> 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgCgRe5DvyQgdQImbBMeGohUsgJRE8RBLy0CCqO9jWx3kYj0zkikInpukLgDFh04z-K1evFKquN2wLPHDBn7WcAD7968mTfLVkkFAL40d93LvgrcMPL0THk1AFC6jj3UuPhaDBtl3CFpqDg/s1600/download.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgCgRe5DvyQgdQImbBMeGohUsgJRE8RBLy0CCqO9jWx3kYj0zkikInpukLgDFh04z-K1evFKquN2wLPHDBn7WcAD7968mTfLVkkFAL40d93LvgrcMPL0THk1AFC6jj3UuPhaDBtl3CFpqDg/s1600/download.jpg" width="282" /></a></div><div style="text-align: right;"> 
</div><div style="text-align: right;"> 
</div> 
 
 
 
 
1. สูดกลิ่นหอม 
- คุณรู้หรือเปล่าว่ากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆ ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ อย่างกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงานก็ไม่เลวนะ เชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWELWCTFms-HpqpPsRbJhexfN6kWW0VQTTBgITcyKa1CfQfHI8Xy4KtgHJd17Y0cCy96ZjSIsPmVUWQyZdwvW42tIB2GaUu1Q4ri9TJSSrUSC-DqNJxmbRo4aIw5uR9KDh8Lnie5J2QOXu/s1600/652809-img-1358446891-3.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="265" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWELWCTFms-HpqpPsRbJhexfN6kWW0VQTTBgITcyKa1CfQfHI8Xy4KtgHJd17Y0cCy96ZjSIsPmVUWQyZdwvW42tIB2GaUu1Q4ri9TJSSrUSC-DqNJxmbRo4aIw5uR9KDh8Lnie5J2QOXu/s1600/652809-img-1358446891-3.jpg" width="400" /></a></div> 
 
 
2. หนังสือบำบัด 
 
- หาหนังสือเล่มโปรดที่อ่านแล้วรู้สึกสบายใจมาไว้ใกล้มือ เครียดเมื่อไหร่หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้าแก้เครียดดีนะ 
 
 
 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7y_42GjwNqL-g6SpM4OqUKjh3ymRB7laP7fcZwBcqgdAZnHARp7s0w3gHUVYO4ccU_TlQG5GqNHKfZCLJWAWTlTDKcfieDdPZK2DmK1TnJZsQUmwZ0kzofh7D1nfp0PS_WaZYBs5s6h1_/s1600/14109older.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="212" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7y_42GjwNqL-g6SpM4OqUKjh3ymRB7laP7fcZwBcqgdAZnHARp7s0w3gHUVYO4ccU_TlQG5GqNHKfZCLJWAWTlTDKcfieDdPZK2DmK1TnJZsQUmwZ0kzofh7D1nfp0PS_WaZYBs5s6h1_/s1600/14109older.jpg" width="320" /></a></div> 
<div style="text-align: left;">3. สร้างอารมณ์ขัน 
 
- หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย </div> 
<div style="text-align: left;">(ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด)</div> 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKQI4sAzpAiSlOY1_iz9_846RDv0EA6pOrrrk8BQ9W3YhVumenQdlOlGm2VaFkobv8ibjdodsiSZH_vEP8HtBTEgQ9G72HmkVpxGicRKZkuPEmBkFSdBJAK4wHqM2zB8ooW3HTrebG4Opp/s1600/MediaFile_193message460x300.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="260" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKQI4sAzpAiSlOY1_iz9_846RDv0EA6pOrrrk8BQ9W3YhVumenQdlOlGm2VaFkobv8ibjdodsiSZH_vEP8HtBTEgQ9G72HmkVpxGicRKZkuPEmBkFSdBJAK4wHqM2zB8ooW3HTrebG4Opp/s1600/MediaFile_193message460x300.jpg" width="400" /></a></div> 
4. พลังแห่งการสัมผัส 
 
- ถ้าคุณมีเพื่อนสนิทในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการสัมผัสเบาๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ ออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDvCkUBjuuNVmcSm_j0l8_RZpRlJ0DGy_55SQuNUma-cD2qygwxrg2_jPwOLVr630rcujXQDE-q8RrtLJiANhC6dbZwLbiGMbr9jjYuqpnXyIpOU13Iguuis8wKMe2T9hzLOxPVxbf5iaG/s1600/219291.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDvCkUBjuuNVmcSm_j0l8_RZpRlJ0DGy_55SQuNUma-cD2qygwxrg2_jPwOLVr630rcujXQDE-q8RrtLJiANhC6dbZwLbiGMbr9jjYuqpnXyIpOU13Iguuis8wKMe2T9hzLOxPVxbf5iaG/s1600/219291.jpg" width="400" /></a></div> 
5. หามุมสงบ-ฟังเพลง 
 
- ฟังเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงแนวสบายๆ ทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์เชียวล่ะ 
 
 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7fQvOOrIJqs-E8fJZSLxq4tf_rSAUus0UH7NN4ZWUuy31zDLu5Es4e7alj9A94QXv9EJ0QL_hQQxdw0J1lS_VH8nhBszjdK5CESkFffx9hhchHIpyPhM1YSiYXEwYuvZzbIJwdCCI0j3L/s1600/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7fQvOOrIJqs-E8fJZSLxq4tf_rSAUus0UH7NN4ZWUuy31zDLu5Es4e7alj9A94QXv9EJ0QL_hQQxdw0J1lS_VH8nhBszjdK5CESkFffx9hhchHIpyPhM1YSiYXEwYuvZzbIJwdCCI0j3L/s1600/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2.jpg" width="400" /></a></div> 
 
6. หลับตาผ่อนคลาย 
 
- การรักษาสมดุลแห่งความเครียด คือ การฝึกจิตง่ายๆ ครั้งละ 10 - 15 นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งท่าสบายๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หลับตาและปล่อยตัวตามสบาย เพื่อผ่อนคลายง่ายๆ และพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKmZVa-yuGSUwI9cI0BMYX4LXmTkawhxjRzck2EsvMGIVr5YvSs-NMLoqBTAnI6JcV9KoUy3FjLzguHxTzwN6coyjYrElNNnVpl-Tk90SU9EKoDlzS2LnWy9rlVLdsKySAt9vKoS0UDcCe/s1600/images+(1).jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKmZVa-yuGSUwI9cI0BMYX4LXmTkawhxjRzck2EsvMGIVr5YvSs-NMLoqBTAnI6JcV9KoUy3FjLzguHxTzwN6coyjYrElNNnVpl-Tk90SU9EKoDlzS2LnWy9rlVLdsKySAt9vKoS0UDcCe/s1600/images+(1).jpg" /></a></div> 
7. รู้จัก “เลี่ยง” เมื่อถึงเวลา 
 
 - ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลงหรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากทำ ลดความเครียดลงได้จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยงานอีกครั้ง 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbtmLk7pnHGaD_x6hFU2Qz6SO5carPFMSH05vqc7h-mpmhxapFI6HGtThytL06vHuDuYd9MPffjcVkK-I_Ut5YamOQYymMBJ81lC1d6kHWCvKsuYEn7yyR-GUcE1hhyz1iQsSN6weWGYfT/s1600/images+(3).jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhbtmLk7pnHGaD_x6hFU2Qz6SO5carPFMSH05vqc7h-mpmhxapFI6HGtThytL06vHuDuYd9MPffjcVkK-I_Ut5YamOQYymMBJ81lC1d6kHWCvKsuYEn7yyR-GUcE1hhyz1iQsSN6weWGYfT/s1600/images+(3).jpg" /></a></div> 
 8. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง 
 
- ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้ก็ใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่างให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป 
 
 
 
 
 
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBPgoA1PHFbc5AK1P_MUUxDSAZObCZpX3A27QvypUh4j9yCp7vn_iPuUShSmlWPJPFs5eCVAC3AOea65MBluiOmsfee_YoGufogpw5Yvrjq-3rDlXFDUbBFFceVlsZ4owInp8oSwvKeICY/s1600/download+(1).jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBPgoA1PHFbc5AK1P_MUUxDSAZObCZpX3A27QvypUh4j9yCp7vn_iPuUShSmlWPJPFs5eCVAC3AOea65MBluiOmsfee_YoGufogpw5Yvrjq-3rDlXFDUbBFFceVlsZ4owInp8oSwvKeICY/s1600/download+(1).jpg" /></a></div> 
 
9. คิดในทางบวก 
 
  - จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น รวมถึงคิดถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียด น้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้ 
 
 
 
 
 
 
ที่มา <a href="http://www.friendjob.com/tip/13.php" rel="nofollow nofollow" style="color: #3b5998; cursor: pointer; text-decoration: none;" target="_blank">http://www.friendjob.com/tip/13.php</a></div> 
<style>
 
 a {
 font-weight:bold;
 color:#346AA8;
 }
 
 a:hover,
 a:focus,
 a:active {
 text-decoration:none;
 }
 
 .drop-shadow {
 position:relative;
 width:90%; 
 padding:1em; 
 margin:2em auto 5em; 
 background:#fff;
 -webkit-box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 60px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 -moz-box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 40px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 40px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 }

.drop-shadow:before,
        .drop-shadow:after {
            content:"";
            position:absolute; 
            z-index:-2;
            bottom:15px;
            left:10px;
            width:50%;
            height:20%;
        }

.drop-shadow:after{                 
            right:10px; 
            left:auto;
        }
        
        .round {
            -moz-border-radius:4px; 
                 border-radius:4px;
                 background:#ffffff;
 
            color:#555555;

}
 
 .round:before,
 .round:after { 
 max-width:300px;
 -webkit-box-shadow:0 15px 10px rgba(0, 0, 0, 0.7); 
 -moz-box-shadow:0 15px 10px rgba(0, 0, 0, 0.7);
 box-shadow:0 15px 10px rgba(0, 0, 0, 0.7);
 -webkit-transform:rotate(-3deg); 
 -moz-transform:rotate(-3deg); 
 -o-transform:rotate(-3deg);
 transform:rotate(-3deg);
 }
 
 .round:after {
 -webkit-transform:rotate(3deg); 
 -moz-transform:rotate(3deg); 
 -o-transform:rotate(3deg);
 transform:rotate(3deg);
 }
 
 .curls {
 background:#befec6;
 color:#fa0505;
 border:1px solid #efefef; 
 -moz-border-radius:0 0 120px 120px / 0 0 6px 6px; 
 border-radius:0 0 120px 120px / 0 0 6px 6px;
 }
 
 .curls:before,
 .curls:after { 
 bottom:12px;
 max-width:200px;
 height:55%;
 -webkit-box-shadow:0 8px 16px rgba(0, 0, 0, 0.4); 
 -moz-box-shadow:0 8px 16px rgba(0, 0, 0, 0.4);
 box-shadow:0 8px 16px rgba(0, 0, 0, 0.4);
 -webkit-transform:skew(-8deg) rotate(-4deg);
 -moz-transform:skew(-8deg) rotate(-4deg);
 -o-transform:skew(-8deg) rotate(-4deg);
 transform:skew(-8deg) rotate(-4deg);
 } 
 
 .curls:after { 
 -webkit-transform:skew(8deg) rotate(4deg); 
 -moz-transform:skew(8deg) rotate(4deg); 
 -o-transform:skew(8deg) rotate(4deg); 
 transform:skew(8deg) rotate(4deg);
 }
 
 .perspective:before {
 background:#befec6;
 left:28px;
 bottom:8px;
 max-width:200px;
 height:35%;
 -webkit-box-shadow:-60px 5px 8px rgba(0, 0, 0, 0.4);
 -moz-box-shadow:-60px 5px 8px rgba(0, 0, 0, 0.4);
 box-shadow:-60px 5px 8px rgba(0, 0, 0, 0.4);
 -webkit-transform:skew(50deg);
 -moz-transform:skew(50deg);
 -o-transform:skew(50deg);
 transform:skew(50deg);
 }
 
 .perspective:after {
 display:none;
 }
 
 .raised:before {
 width:auto;
 right:10px;
 left:10px;
 bottom:0;
 -webkit-box-shadow:0 8px 10px rgba(0, 0, 0, 0.5);
 -moz-box-shadow:0 8px 10px rgba(0, 0, 0, 0.5);
 box-shadow:0 8px 10px rgba(0, 0, 0, 0.5);
 }
 
 .rotated {
 background:#befec6;
 -webkit-transform:rotate(-3deg); 
 -moz-transform:rotate(-3deg); 
 -o-transform:rotate(-3deg);
 transform:rotate(-3deg);
 
 }
 
 .rotated *:first-child:before {
 content:"";
 position:absolute;
 z-index:-1;
 top:0;
 bottom:0;
 left:0;
 right:0;
 background:#fff;
 -webkit-box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 60px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 -moz-box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 40px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 40px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 }
 
 
 
</style>

9 วิธีพิชิตความเครียดในที่ทำงาน

9 วิธีพิชิตความเครียดในที่ทำงาน หากคุณรู้สึกว่างานในแต่ละวันช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน ไหนจะมีประชุมแต่เช้าตรู่ นั่งทำงานที่โต๊ะไม่ถึง 10 น...

อ่านเพิ่มเติม »

วันจันทร์, มีนาคม 24, 2557

5 คำ ที่ไม่ควรพูด

<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj9j2S6k_6J4bdaiCrzGf-8JVyklBVJ1436W4wfauh2W-z07PXT5VDaaCDP_1Vn6lfGcru0rrkfPu1wsnikq53o-JGJL_MSw-m8GUtN4p4dO0nnfWxFbs8KaHcsNTowDGNjzbTyAiPn-ruf/s1600/1488800_612181788871995_1430017655_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="476" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj9j2S6k_6J4bdaiCrzGf-8JVyklBVJ1436W4wfauh2W-z07PXT5VDaaCDP_1Vn6lfGcru0rrkfPu1wsnikq53o-JGJL_MSw-m8GUtN4p4dO0nnfWxFbs8KaHcsNTowDGNjzbTyAiPn-ruf/s1600/1488800_612181788871995_1430017655_n.jpg" width="640" /></a> 
 
 
<div class="drop-shadow round" style="margin-left: 20px;">คนจีนสอนลูกหลานต่อกันมา สร้างธุรกิจจากเสื่อผืนหมอนใบ 
มี 5 คำ ที่ไม่ควรพูด และสอนตัวเรากับลูกหลานว่าไม่ควรพูด 
 
3."ท้อ" เพราะเพียงคำนี้ผุดขึ้น พลังทั้งมวลทั้งร่างกายและจิตใจจะถดถอยสูญสิ้น 
 
4."ขี้เกียจ" ไม่ควรแม้แต่พูดเล่น เพราะจะทำให้สร้างความไม่รับผิดชอบ 
 
5."เหนื่อย" พอพูดคำนี้ออกมา ร่างกายก็จะตอบสนองด้วยการอ่อนแอลงทันที 
 
เป็น Psychology ที่ถูกต้องมาก สำหรับคนเราทุกคน และตรงกับที่พุทธศาสนิกชนพูดกันว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"</div><style>
 
 a {
 font-weight:bold;
 color:#346AA8;
 }
 
 a:hover,
 a:focus,
 a:active {
 text-decoration:none;
 }
 
 .drop-shadow {
 position:relative;
 width:90%; 
 padding:1em; 
 margin:2em auto 5em; 
 background:#fff;
 -webkit-box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 60px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 -moz-box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 40px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 box-shadow:0 1px 4px rgba(0, 0, 0, 0.3), 0 0 40px rgba(0, 0, 0, 0.1) inset;
 }

.drop-shadow:after{                 
            right:10px; 
            left:auto;
        }
        
        .round {
            -moz-border-radius:4px; 
                 border-radius:4px;
                 background:#444444;
 
            color:#ffffff;

5 คำ ที่ไม่ควรพูด

คนจีนสอนลูกหลานต่อกันมา สร้างธุรกิจจากเสื่อผืนหมอนใบ มี 5 คำ ที่ไม่ควรพูด และสอนตัวเรากับลูกหลานว่าไม่ควรพูด 3."ท้อ" เพราะ...

อ่านเพิ่มเติม »

วันจันทร์, มีนาคม 24, 2557

HOW CAN WE BE HAPPY ? เราจะมีความสุขได้อย่างไร?

<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhXekY2T4OIO8COc0tzEvVH3sD9LiqWm95pgqbysl-NNt8dTnVyiqVJ2zAdb888lQPoM-wOfzT2aYOz2t1D-PahyPAjVF5TZls_4NFj5snQ1umwXxDPD596vaSRJsMydW3Wu5HLcSNw8K8Y/s1600/1975272_510990799012234_1435563527_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="420" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhXekY2T4OIO8COc0tzEvVH3sD9LiqWm95pgqbysl-NNt8dTnVyiqVJ2zAdb888lQPoM-wOfzT2aYOz2t1D-PahyPAjVF5TZls_4NFj5snQ1umwXxDPD596vaSRJsMydW3Wu5HLcSNw8K8Y/s1600/1975272_510990799012234_1435563527_n.jpg" width="640" /></a></div>
 
 
 
HOW CAN WE BE HAPPY ? เราจะมีความสุขได้อย่างไร? 
 
มีคน 50 คน มาร่วมงานสัมมนา วิทยากรได้ตัดสินใจทำกิจกรรมกลุ่ม โดยได้แจกลูกบอลลูนให้ผู้เข้าอบรมคนละ 1 ลูก และให้เข<span class="text_exposed_show" style="background-color: white; color: grey; display: inline; font-family: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 13.333333969116211px; line-height: 18.488887786865234px;">ียนชื่อตัวเองบนลูกบอลลูนนั้น หลังจากนั้นลูกบอลทุกลูกได้ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ห้องๆ หนึ่ง ต่อมาให้คนเหล่านั้นเข้าไปในห้องเก็บบอลลูน แล้วหาลูกบอลลูนที่ตนเองได้เขียนชื่อของตัวเองเอาไว้ ใน 5 นาทีแรก ทุกคนพยามยามและเพลิดเพลินในการหาลูกบอลลูนของตัวเอง เดินชนกันไปชนกันมา ผลักกันไปผลักกันมา ตะโกน หัวเราะด้วยความสนุกสนาน เมื่อ 5 นาทีแรกได้ผ่านไป ไม่มีใครหาลูกบอลลูนของตนเองเจอ วิทยากรจึงบอกว่าให้สุ่มหยิบลูกบอลลูนของใครก็ได้ แล้วนำไปให้กับคนที่มีชื่ออยู่บนลูกบอลลูนนั้น เพียงไม่กี่นาที ทุกคนก็ได้ลูกบอลลูนของตนเองกลับมา มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เราทุกคนนั้นพยายามทำทุกๆ อย่างในการหาความสุข โดยที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใด ความสุขของเรานั้นก็อยู่ข้างในของความสุขของคนอื่นๆ เช่นกัน ให้ความสุขกับคนอื่นๆ แล้วคุณก็จะได้ความสุขนั้นกลับมา และนี่คือเป้าหมายของชีวิต

HOW CAN WE BE HAPPY ? เราจะมีความสุขได้อย่างไร?

HOW CAN WE BE HAPPY ? เราจะมีความสุขได้อย่างไร? มีคน 50 คน มาร่วมงานสัมมนา วิทยากรได้ตัดสินใจทำกิจกรรมกลุ่ม โดยได้แจกลูกบอลลูนให้ผู้เ...

อ่านเพิ่มเติม »

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 26, 2557

WebSphere คืออะไร?

<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtansjDXI5PqTEtaUZKCIkHug1JChb5tYo1UmsTZBWYfZ6RGGvtwQXUfbJFO7nL3qsuesv-a2IHiO8pMOUMTQIBIeBQrWXt1nEm_D9bUr_F2on19bP6tnQNNiSgITqZw8VQetv6mG9kRU/s1600/ceVsaW3wEtao.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="318" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtansjDXI5PqTEtaUZKCIkHug1JChb5tYo1UmsTZBWYfZ6RGGvtwQXUfbJFO7nL3qsuesv-a2IHiO8pMOUMTQIBIeBQrWXt1nEm_D9bUr_F2on19bP6tnQNNiSgITqZw8VQetv6mG9kRU/s320/ceVsaW3wEtao.gif" width="320" /></a></div>
 
 
<div style="text-align: center;">
WebSphere คืออะไร?</div>
 
 
WebSphere ก็คือ Web Server ของ IBM น่ะครับ สมัยก่อนเห็นเขาใช้ Apache 2.x มาดัดแปลงWebSphere Commerce ก็คือเวป E-Commerce ที่ IBM คิดขึ้นมา ราคา $80,000 ต่อ CPU สามารถทำงานกับ Windows Server, Linux และ AIX ได้ ตัวโปรแกรมจะพัฒนามาจาก J2EEโปรแกรมจะมี 10 แผ่น CD โดย 5 แผ่นแรกจะเป็น Minimal recommended installation เช่น IBM DB2, IBM HTTP Server, WebSphere Application ServerServer ที่ใช้ควรมี CPU สูงกว่า Pentium III 733 MHz, หน่วยความจำ 2 GB ต่อ CPU, เนื้อที่ Hard Disk 4.5 GB ขึ้นไปสำหรับโปรแกรม และอีก 6 GB สำหรับข้อมูล, เนื้อที่สำหรับ Swap อีก 1 GB ต่อ CPU 
 
 
 
IBM WebSphere Software Platform 
 
IBM WebSphere Software Platform คือตระกูลซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานสำหรับอีบิสซิเนสแบบครบวงจร ยืดหยุ่นและพร้อมเติบโตกับธุรกิจ มอบความถูกต้อง ปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ โดยอยู่บนมาตรฐานแบบเปิด ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อก่อให้เกิด e-business platform ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็วทันใจ 
 
 
 
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYnmtWdM49fZANAnYoYc-guhwejQQPO1KY8tujrLsq1tBMn9G_6Q8GBlh_tZAkOY-hYLiVhHur6mNzFvb1ruFRQ4y3fZCsytJiSn8rN3HD0yo2Xpsv_wcTeapWtleeBhGYv7EVFj7X0sc/s1600/ce3cJM11b97Y.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYnmtWdM49fZANAnYoYc-guhwejQQPO1KY8tujrLsq1tBMn9G_6Q8GBlh_tZAkOY-hYLiVhHur6mNzFvb1ruFRQ4y3fZCsytJiSn8rN3HD0yo2Xpsv_wcTeapWtleeBhGYv7EVFj7X0sc/s1600/ce3cJM11b97Y.jpg" /></a> 
 
 
 
WebSphere Software จึงได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของธุรกิจ ที่จะต้องรับมือกับการแข่งขันอันดุเดือด และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว ไอบีเอ็มสร้างเว็บสเฟียร์ด้วยองค์ประกอบสามส่วนหลัก ซึ่งได้แก่ 
 
• Business Portal คือ ส่วนที่ติดต่อและทำหน้าที่ในการเชื่อมผู้ใช้เข้ากับข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ สร้างความพึงพอใจและสร้างประสบการณ์ในการใช้งาน ประกอบไปด้วย 1.) Portal โดยคุณสามารถกำหนดให้พอร์ทัลแสดงข้อมูลให้ง่ายในการใช้งานและเหมาะสมกับผู้ใช้ ซึ่งนับเป็นการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังเป็นการทำให้ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พาร์ตเนอร์ หรือพนักงานในองค์กร สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็นมากที่สุด 2.) Pervasive หรือการใช้งานแอพพลิเคชันหรือทำงาน อุปกรณ์สื่อสารไร้สายต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเข้ามามีบทบาทและสนับสนุนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่ใด หรือเวลาใดก็ตาม 3.) Commerce คือการสร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการทำธุรกรรมแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ในองค์ประกอบนี้ อาทิ WebSphere Portal, WebSphere EveryPlace Access หรือ WebSphereCommerce เป็นต้น 
 
• Besiness Integration นับได้ว่าเป็นหัวใจของอีบิสซิเนสออนดีมานด์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อข้อมูลแอพพลิเคชัน ขบวนการในการทำงานและพนักงานในองค์กรเข้าด้วยกันตลอดทั่วทั้งองค์กร ทำให้คุณสามารถบริหารทรัพยากรในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบใด ๆ ในอดีตหรืออนาคตและพร้อมจะปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อรับมือกับเงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทันท่วงที ตัวอย่างซอฟต์แวร์ อาทิ WebSphere MQ หรือ WebSphere Business Integration เป็นต้น 
 
• Foundation and Tools พื้นฐานและเครื่องมือหลักซึ่งเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อนอีบิสซิเนสให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไอบีเอ็มได้เตรียมเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นไว้ให้กับนักพัฒนาอย่างครบถ้วนด้วยเครื่องมือในการพัฒนาแอพพลิเคชันโดยอ้างอึงกับพื้นฐานระบบเปิดและยืดหยุ่นพร้อมที่จะเติบโตได้ อาทิ เทคโนโลยี Web Service, JAVA, J2EE หรือ XML เป็นต้น สามารถใช้ประโยชน์และทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของพอร์ทัลและมิดเดิลแวร์จากไอบีเอ็มได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเหลือในการทำงานเป็นทีมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ และการเชื่อมต่อกับระบบภายนอกที่หลากหลายจาก WebSphere Application Server จึงมั่นใจได้ว่าแอพพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นและการประสานระบบงานภายในองค์กรจะตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตัวอย่างซอฟต์แวร์ อาทิ WebSphereApplication Server, WebSphere Studio Application Developer เป็นต้น 
 
WebSphere Application Server V5.0.2 
 
คือ โครงสร้างหลักของการสร้างเว็บแอพพลิเคชันเปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักหรือเป็น Engine ของอีบิสซิเนสมีประสิทธิภาพสูง ยืดหยุ่นรองรับการเติบโตและขยายขนาดได้ในเวอร์ชันนี้ ไอบีเอ็มได้เติมเต็มความสามารถสำหรับสนับสนุนอีบิสซิเนสของ WebSphere ให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนไคลเอ็นต์คอนเทนเนอร์ และก้าวเข้าสู่การสนับสนุน Java Development Kit (JDK)1.4 ที่จะทำให้การพัฒนาแอพพลิเคชันทางธุรกิจง่ายขึ้นและใช้เวลาน้อยลงการสนับสนุนเว็บเซอร์วิสให้มีฟังก์ชันและความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานการสนับสนุนเพลตฟอร์มที่หลากหลายความสามารถในการจัดการที่ครบถ้วน รวมไปถึงการทำงานร่วมกับฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย 
 
 
 
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigtEm3xOU6THpPDaKF8OukXk8PebozR8fFru0qg0VKaKiyTn8iNE3HATAnBYuRWSqBjaXT3qy88lt0LuQzmgqjZgR-bBBzMabEwglF7OSPGoW9KnxpwbX3HMn97aatinDLJwoMmY01LVc/s1600/ceBFiDAlkstrU.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigtEm3xOU6THpPDaKF8OukXk8PebozR8fFru0qg0VKaKiyTn8iNE3HATAnBYuRWSqBjaXT3qy88lt0LuQzmgqjZgR-bBBzMabEwglF7OSPGoW9KnxpwbX3HMn97aatinDLJwoMmY01LVc/s1600/ceBFiDAlkstrU.jpg" /></a> 
 
 
 
เปิดประตูธุรกิจสู่เว็บเซอร์วิส 
 
เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วว่า เว็บเซอร์วิสได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ระบบหรือแอพพลิเคชันซึ่งแตกต่างกันสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการพัฒนาแอพพลิเคชันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง WebSphere Application Server เวอร์ชันใหม่นี้ได้เพิ่มฟังก์ชันสนับสนุนการทำงานร่วมกันและฟังก์ชันทางด้านความปลอดภัยให้กับเว็บเซอร์วิสมากยิ่งขึ้น 
 
 
 
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinPmimXswi7b1IF47cDaUFmq8l9aFe1iI43Xj668mDC7qns14fxpVM0MtEboqoTxu53sLopiv1iy7VT2-WllEYvrqF7IdG_rm5GD25tquYtxTVZ6_RewkELqjxXw6KWzfiX6mca9PVd6Y/s1600/ceXn0DDLaSQLA.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinPmimXswi7b1IF47cDaUFmq8l9aFe1iI43Xj668mDC7qns14fxpVM0MtEboqoTxu53sLopiv1iy7VT2-WllEYvrqF7IdG_rm5GD25tquYtxTVZ6_RewkELqjxXw6KWzfiX6mca9PVd6Y/s1600/ceXn0DDLaSQLA.jpg" /></a> 
 
 
 
WebSphere Application Server V5.0.2 
 
WebSphere Application Server V5.0.2 ยังเป็นแอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ตัวแรกในตลาดขณะนี้ ที่สนับสนุน WS-l Basic Profile 1.0 ซึ่งเป็นดราฟที่เพิ่งจะได้รับการรับรองเมื่อเดือนกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชันเว็บเซอร์วิสโดยมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำงานร่วมกับสภาวะแวดล้อมและระบบที่หลากหลายได้อย่างแน่นอน 
 
เว็บเซอร์วิสไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อระบบบนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น หากแต่ยังเป็นช่องทางที่ทำให้สามารถสื่อสารหรือผสานระบบใหม่เข้ากับระบบเดิม (Legacy System) ได้อีกด้วยเว็บเซอร์วิสใน WebSphere จะช่วยให้งานในการอินทริเกรตกระบวนการและคอมโพเน็นต์ของธุรกิจ ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดเด่นของโซลูชัน WebSphere ในการสนับสนุนมาตรฐานใหม่ ๆ จะทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่า แอพพลิเคชันที่สร้างขึ้นในวันนี้ จะยังคงสามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันหรือโซลูชันอื่นๆ ในอนาคตได้อย่างมั่นใจ 
 
 
 
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh87fR1JmmCChscG8MjcQikvkC61jzG237kNxgK9KAeA2nMESwP8DTHvVfwtLfkwp8k-RVXkoeWIH9Z5AkJP_Dr9CaLsEKdLBQLWTFFd95SLoyI0-7H0RHnrLlfA6vHzox1HY7-0Aau42M/s1600/websphere.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" height="174" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh87fR1JmmCChscG8MjcQikvkC61jzG237kNxgK9KAeA2nMESwP8DTHvVfwtLfkwp8k-RVXkoeWIH9Z5AkJP_Dr9CaLsEKdLBQLWTFFd95SLoyI0-7H0RHnrLlfA6vHzox1HY7-0Aau42M/s200/websphere.gif" width="200" /></a> 
 
 
 
รองรับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย 
 
ในเวอร์ชัน 5.0.2 แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ WebSphere และ WebSphere Network Deployment สนับสนุนแพลตฟอร์มที่หลายมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้ NativeDeployment Manager สำหรับแพลตฟอร์มที่ WebSphere เวอร์ชันนี้สนับสนุนประกอบด้วย 
 
 
 
• เซิร์ฟเวอร์ตระกูล eServer ของไอบีเอ็มอาทิ iSeries pSeries zSeriesที่ใช้ลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการ 
 
• ลีนุกซ์ไคลเอ็นต์ (United Linux 1.0) 
 
• โซลารีส 9 
 
• วินโดวส์ 2003 (.NET) เซิร์ฟเวอร์ 32 บิต 
 
• วินโดวส์เอ็กซ์พี โปรเฟสชันแนล (สนับสนุนไคลเอ็นต์) 
 
• วินโดวส์เอ็กซ์พี (สำหรับการพัฒนาและทดสอบเท่านั้น) 
 
 
 
การสนับสนุนมาตรฐานเปิด 
 
การสนับสนุนมาตรฐานอุตสาหกรรมนับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความสามารถในการทำงานร่วมกันและความสามารถในการขยายระบบในเวอร์ชันใหม่ WebSphere เพิ่มการสนับสนุนไคลเอ็นต์คอนเทนเนอร์ JDK 1.4 ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกที่จะไปสู่การสนับสนุน J2EE 1.4 ด้วย JDK 1.4 องค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีของจาวาในการพัฒนาแอพพลิเคชันที่ธุรกิจต้องการได้โดยใช้ทรัพยากรและเวลาที่น้อยกว่าเดิม 
 
นอกจากนี้ทางไอบีเอ็มยังได้เพิ่มฟังก์ชันอีกเป็นจำนวนมากให้กับเครื่องมือในการสร้างแอพพลิเคชัน (Application Assembly Tool)โดยจะอยู่ในรูปของ WebSphere Application Toolkitเครื่องมือตัวนี้มีพื้นฐานการทำงานบน Eclipse Framework (WWW.eclipse.org)ดังนั้นจึงสามารถทำงานร่วมกับสภาวะแวดล้อมของ WebSphere Studioได้อย่างมีประสิทธิภาพและ นอกจากฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นแล้วไอบีเอ็มยังได้ปรับปรุงความสามารถในการใช้งานให้สะดวกขึ้นผ่านส่วนติดต่อกับผู้ใช้ของทูลเซตจาก Eclipse ทูลคิตนี้นับเป็นคำตอบที่เหมาะสมสำหรับในการจัดแพ็กเกจแอพพลิเคชัน J2EE ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนหากจะทำเองด้วยมือ ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ที่มีหะช่วยนักพัฒนาในการอัพเดต XML สำหรับขั้นตอนการรวมแพ็กเกจและยังช่วยในงานของการติดตั้งแอพพลิเคชันอีกด้วย ตัว Assembly Toolkit ซึ่งสามารถเข้าใช้ได้ผ่าน WebSphere Developer Domain โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Application Server Toolk 
 
 
 
Dynamic Workload Management 
 
ด้วย Dynamic Workload Management ที่นับเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการประมวลผลแบบ Grid Computing ที่ผู้ดูแลระบบสามารถใช้ในการตรวจสอบ (monitor) และจัดการปริมาณงาน (workload)ของแอพพลิเคชันได้อย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าแนวคิดหลักของ Grid Computing จะเป็นการบริหารปริมาณานของตัวประมวลผลในฮาร์ดแวร์ของงานคำนวณทางด้านวิทยาศาสตร์มาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการประมาลผลของแอพพลิเคชันทางธุรกิจแบบขนานด้วยเซิร์ฟเวอร์หลาย ๆ เครื่องได้เช่นเดียวกัน 
 
ตัว Dynamic Workload Management จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอพพลิเคชันและอัตราการใช้งานทรัพยากรของเซิร์ฟเวอรืให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้นด้วยกลไกอัจฉริยะ Traffic cop ในอดีต เวิร์กโหลดของแอพพลิเคชันจะได้รับการประมวลผลบนคลัสเตอร์ของเซิร์ฟเวอร์แบบ Static ในขณะที่ฟังก์ขันของ Dynamic Workload Management จะมีการประเมินและวิเคราะห์ว่า โหลดของแอพพลิเคชันควรจะได้รับการประมวลบนคลัสเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ตัวใดอย่างอัจฉริยะซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น เพราะงานที่เริ่มไปแล้ว ยังสามารถได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้นได้ 
 
 
 
 
 
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAEZmQZo3Ep-uBwoe2Uo8-rF4TfvS0jd4XkM9lZYm5MifPZcXcYEDFGGiPmFPhwTHP68zJ79T7glcCuMzIiUwVfZ482Smg1dw6-OPeyRd0E9_Tw7MA_zn72Q0J8-rFczIMu26jK3aKyiQ/s1600/dist_400px.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAEZmQZo3Ep-uBwoe2Uo8-rF4TfvS0jd4XkM9lZYm5MifPZcXcYEDFGGiPmFPhwTHP68zJ79T7glcCuMzIiUwVfZ482Smg1dw6-OPeyRd0E9_Tw7MA_zn72Q0J8-rFczIMu26jK3aKyiQ/s1600/dist_400px.jpg" /></a> 
 
 
 
WebSphere กับแอพพลิเคชันของธุรกืจ 
 
ด้วยความสามารถและการปรับปรุงใน WebSphere V5.0.2 จะช่วยให้ทั้งการพัฒนา ติดตั้ง และดูแลแอพพลิเคชันของธุรกิจทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น WebSphere ไม่ได้เป็นเพียงแค่แอพพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ที่นำเอาโมดูลของแอพพลิเคชันมาปฏิบัติงานเท่านั้น หากแต่ยังมาพร้อมกับเครื่องมือที่จะสนับสนุนกระบวนการในการพัฒนา (Development) และติดตั้ง (Deployment) ที่ครบวงจรอีกด้วย ในปัจจุบันธุรกิจจำนวนมากสร้างแอพพลิเคชันอีบิสซิเนสซึ่งมีการเข้าถึงการทำธุรกรรมและส่งข้อมูลผ่านเว็บเป็นหลัก แต่ในอนาคตอีบิสซิเนสต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองกับความต้องการของธุรกิจที่มีความเป็นไดนามิกมากขึ้นนั่นหมายความถึงเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยีพื้นฐานอย่าง HTML/HTTP สำหรับเว็บ, J2EE สำหรับการพัฒนาแอพพลิเคชันและXML สำหรับการเก็บข้อมูลที่จะให้แลกเปลี่ยนไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง SOAP/WSDL สำหรับการเรียกใช้เซอร์วิสระหว่างระบบและ UDDI สำหรับการค้นหาเซอร์วิสของ WebSphere จะช่วยให้ธุรกิจมีเครื่องมือที่พร้อมสำหรับการสร้างแอพพลิเคชันอีบิสซิเนสที่ครบถ้วนทั้งในวันนี้และในอนาคต 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ข้อมูลจากPC Maganize 
 
IBM.com 
 
http://akrasoft.com/news/IBM_WebSphere_Software.htms 
 
http://www.narisa.com/forums/index.php?showtopic=17895 
 
<div>
 </div>

WebSphere คืออะไร?

WebSphere คืออะไร? WebSphere ก็คือ Web Server ของ IBM น่ะครับ สมัยก่อนเห็นเขาใช้ Apache 2.x มาดัดแปลงWebSphere Commerce ก็คือเวป E-...

อ่านเพิ่มเติม »

วันเสาร์, ธันวาคม 14, 2556

Hair-cut คืออะไร?..

<div class="kmsgbody" style="background-color: white; color: #515756; display: table; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 15.984375px; margin-top: 5px; min-height: 180px; padding: 10px 0px 0px; table-layout: fixed; width: 517px;">
<div class="kmsgtext" style="font-size: 1em; overflow: hidden; word-wrap: break-word;">
"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut  
 
Hair-cut ก็คือการจ่ายชำระมูลหนี้ ที่มีการค้างชำระกันไว้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยมีข้อตกลงเจรจาเป็นการนำเสนอที่จะทำการลดมูลหนี้ที่คงค้างกันอยู่...ว่าจะมีการลดหนี้ให้เป็นจำนวนเท่าไหร่? 
 
โดยคิดจากมูลหนี้ที่คงค้างทั้งหมด จากยอด ณ.ปัจจุบัน  
 
ซึ่งก็คือยอดหนี้ของ ณ.วันนี้ นั่นเอง 
 
วันที่เรากำลังเจรจาต่อรองเรื่องส่วนลดหนี้กันอยู่ ณ.ขณะนี้ 
 
(ไม่ใช่ยอดหนี้ของเงินต้นในอดีต...ไม่ใช่ยอดหนี้ของวันที่เราเริ่มต้นหยุดจ่าย) 
 
ซึ่งส่วนมากทางเจ้าหนี้มักจะเป็นผู้เสนอว่า จากมูลหนี้ที่คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ จะลดหนี้ให้เท่าไหร่? โดยการแจ้งเป็นตัวเลข ว่าจะลดให้กี่บาท หรือกี่เปอร์เซนต์ (ซึ่งส่วนมากจะเสนอตัวเลขเป็นบาท แต่ถ้าเราอยากรู้ว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ ก็สามารถเอามาคำนวนเองได้) 
ยกตัวอย่างเช่น มีหนี้คงค้างอยู่ ณ.ปัจจุบันนี้ เป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาท (หนึ่งแสนบาท) ทางเจ้าหนี้เสนอมาว่า จะลดหนี้ให้เป็นจำนวน 40% ก็หมายความว่า ทางเจ้าหนี้พึงพอใจที่จะเรียกเอาเงินคืนเพียงแค่ 60,000.-บาท (60%) เท่านั้น...ส่วนอีก 40,000.-บาท (40%) นั้น...ทางเจ้าหนี้ลดหนี้ให้ ด้วยเหตุผลต่างๆดังนี้ 
 
<img alt=":S" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/dizzy.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":S" width="20" /> - ขี้เกียจทวงแล้วโว้ย...ทวงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจ่ายสักที 
 
<img alt=":ohmy:" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/shocked.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":ohmy:" width="20" /> - ทางเจ้าหนี้ แทงบัญชีหนี้ของเราเป็น NPL ไปแล้ว (เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) 
หรือตัดบัญชีของเราเป็น“หนี้สูญ”ไปแล้ว 
 
<img alt=":(" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/sad.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":(" width="20" /> - เจ้าหนี้ไม่อยากตั้งทุนสำรอง“หนี้สูญ” ตามข้อตกลงของ MOU และตามคำสั่งของ ธปท. 
เพราะต้องถูกบังคับให้ตั้งเงินสำรองเพื่อกันเอาไว้ 100,000.-บาท (เป็นการตั้งสำรอง“หนี้สูญ”ในอัตรา 100% ของมูลหนี้ที่เสีย) 
ทางฝ่ายเจ้าหนี้จึงมีความคิดที่ว่า สู้เอาเงินที่ตั้งสำรองจำนวนนี้ ไปปล่อยกู้ใหม่ให้กับลูกหนี้รายอื่นๆ ยังได้กำไรจากการขูดรีดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้รายใหม่อื่นๆ มากกว่าการเอาเงินมาตั้งสำรอง“หนี้สูญ”แบบนี้โดยที่ไม่ได้ดอกเบี้ยอะไรเลย แถมยังได้เงินสดกลับคืนมาจากลูกหนี้อีก 60,000.-บาท (ลดหนี้ให้ 40%) เมื่อเอาเงินทั้งสองก้อนนี้มารวมกันแล้ว ก็เป็นจำนวนเงิน 160,000.-บาท...สู้เอาเงินจำนวนนี้ไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยราคาแพงๆ ให้กับลูกค้ารายอื่นๆเสียยังจะดีกว่า 
 
<img alt=":dry:" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/ermm.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":dry:" width="20" /> - ทางเจ้าหนี้ "กลัว" แพ้คดี ถ้าถึงขั้นการฟ้องร้องต่อศาล เพราะตัวเองก็มีการหมกเม็ด และการโกงอัตราดอกเบี้ยของลูกหนี้เอาไว้เพียบ...ดังนั้น ถ้าวันนี้ ได้เงินคืนกลับมาบ้างบางส่วน ก็ยังดีกว่าที่ได้คืนมาน้อย 
หรือไม่ได้คืนเลยในชั้นศาล หากตัวเองฟ้องแล้วแพ้คดี (ตามสุภาษิตที่ว่า...กำขี้...ดีกว่ากำตด) 
 
<img alt=":sick:" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/sick.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":sick:" width="20" /> - ทางเจ้าหนี้กลัวว่าลูกหนี้จะเป็นอะไรไป...เนื่องจากการคิดสั้นของลูกหนี้ที่มีหนี้สินเยอะ 
เพราะถ้าหากลูกหนี้เป็นอะไรไป (หมายถึง ล้มหายตายจากไป) หนี้ดังกล่าว จะเป็น"หนี้ศูนย์"(0)ทันที 
และจะไปฟ้องร้องกับใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเป็นหนี้สินส่วนบุคคล (หนี้ส่วนตัวที่ไม่มีผู้ค้ำประกัน) จึงไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ดังนั้น ถ้าอยากจะฟ้องต่อ เจ้าหนี้ก็ต้องฆ่าตัวตายตามลูกหนี้ เพื่อไปฟ้องร้องต่อจากท่านยมบาลเอาเอง (แล้วใครมันยอมจะฆ่าตัวตายเพื่อตามไปทวงหนี้ต่อล่ะวะ) 
 
<img alt=":cheer:" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/cheerful.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":cheer:" width="20" /> - เจ้าหนี้ได้รับเงินคืนตามที่ตัวเองพึงพอใจแล้ว โดยคิดจากส่วนต่างที่หักจากค่าคอมมิชชั่นในการทวงหนี้ออกไป...ตัวอย่างเช่น...เจ้าหนี้มีการตั้งค่าหัวในการทวงหนี้เราไว้ที่ 30% หากสำนักงานทวงหนี้ที่ใดก็ตาม 
ที่สามารถทวงหนี้จากเราได้สำเร็จ...เช่น...ถ้าสมมุติว่า สำนักงานทวงหนี้ "ชั่ว"คอลเลคชั่น สามารถทวงหนี้เราได้ที่ 100,000.-บาท ดังนั้น สำนักงาน"ชั่ว"คอลเลคชั่น...รับเอาค่าคอมมิชชั่นนี้ไปเลย 30,000.-บาท เพื่อเป็นค่าแรงในการทวงหนี้ ส่วนทางเจ้าหนี้พอใจที่จะเอาเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาทเท่านั้นก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้น 
สู้เราไปจ่ายชำระหนี้ให้กับทางเจ้าหนี้โดยตรง ไม่ดีกว่าเหรอ? (โดยไม่จ่ายผ่านสำนักงานทวงหนี้) ทางเจ้าหนี้ก็พอใจในการรับเงินคืนเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรทางเจ้าหนี้ก็มีความต้องการที่จะได้รับเงินคืนเพียงแค่ 70,000.-บาท อยู่แล้วนี่ โดยไม่สนใจว่าจะได้เงินคืนมาจากใครหรือด้วยวิธีใดก็ตาม 
 
<img alt=":P" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/tongue.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":P" width="20" /> - ทางเจ้าหนี้มีการขาย"หนี้เน่า"ของเรา ให้กับสำนักงานทวงหนี้ข้างนอก ในราคาถูกๆไปแล้ว 
เนื่องจากขี้เกียจตั้งทุนสำรองหนี้สูญ (อาจขาย"หนี้เน่า"ของเราในราคาประมาณสัก 2-3 หมื่นบาท จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบันที่ 100,000.-บาท) เพื่อให้สำนักงานทวงหนี้ ไปทวงหนี้ต่อเอาเอง แล้วแต่จะตั้งราคาในการทวงต่อ 
ดังนั้น ถ้าสำนักงานทวงหนี้เสนอราคาให้กับเราที่ 60,000.-บาท ในการทำ Hair-cut...ตัวสำนักงานทวงหนี้เองก็ยังได้กำไรจากส่วนต่างนี้ตั้ง 3-4 หมื่นบาท) 
 
<img alt=":pinch:" class="bbcode_smiley" height="20" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/pinch.png" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":pinch:" width="20" /> - เจ้าหนี้รีบลดราคาในการทำ Hair-cut ให้...ด้วยราคาที่งามมาก เนื่องจากคดีขาดอายุความในการฟ้องร้องไปแล้ว  
 
ด้วยเหตุผลต่างๆ ตามที่กล่าวมานี้ จึงเกิดกระบวนการที่เรียกกันว่า 
 
Hair-cut เกิดขึ้น 
แต่กระบวนการ Hair-cut นี้ มิได้เกิดขึ้นได้โดยง่าย 
ต้องผ่านการบ่มระยะเวลามายาวนานพอสมควร โดยมีสูตรดังนี้ 
 
ต้องหยุดจ่ายซะก่อน ถึงจะเกิดกระบวนการ 
 
Hair-cut ขึ้นได้ 
 
 
ยิ่งหยุดจ่ายนานเท่าไหร่ 
 
หนี้ก็ยิ่งเน่ามากขึ้นเท่านั้น 
 
 
หนี้ยิ่งเน่ามากเท่าไหร่ 
 
ก็ยิ่งได้ส่วนลดมากขึ้นเท่านั้น 
 
 
หลายๆคนชอบเข้ามาตั้งคำถามที่ว่า 
หยุดจ่ายมาได้ 3 เดือนแล้วครับ...จะได้ส่วนลดแล้วหรือยังครับ และถ้าได้ลด จะได้ส่วนลดกี่เปอร์เซนต์ครับ 
 
คำตอบที่ชัดเจนก็คือ 
 
ยัง!...และไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย 
 
เพราะการหยุดจ่ายเพียงแค่ 2-3 เดือน มันเป็นเพียงบันไดก้าวแรก ที่จะไปสู่กระบวนการ Hair-cut อันแท้จริงต่อไป 
 
การ Hair-cut ที่แท้จริง มันต้องหยุดจ่ายนาน 8-10 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย หรือบางทีอาจต้องรอเป็นปี หรือจนถึงขั้นได้รับหมายศาลแล้วนั่นแหละ 
 
จึงมีคำถามต่อมาอีกว่า... 
แล้วถ้าเช่นนั้น ต้องหยุดจ่ายนานเท่าไหร่? ถึงจะได้รับหมายศาลล่ะ? 
 
คำตอบก็คือ 
เฉลี่ยโดยทั่วไปแล้ว ประมาณ 1 ปีครับ 
แต่บางราย...ก็นานเกินกว่า 1 ปีนะครับ 
ยกเว้น "บัตรเครดิตซิตี้แบงค์ VISA" และ "บัตรเครดิต UOB" เพียงสองประเภทนี้เท่านั้น ที่ฟ้องเร็วที่สุด ("บัตรเครดิตซิตี้แบงค์ VISA" และ "บัตรเครดิต UOB" สองรายการนี้เท่านั้น ที่ฟ้องเร็วมาก) โดยหยุดจ่ายประมาณ 4-6 เดือนก็ฟ้องแล้ว...แต่ถ้าหากเป็นหนี้ของ"ซิตี้แบงค์" หรือ "UOB"หลายๆประเภท เช่น หนี้บัตรเครดิต VISA , หนี้สินเชื่อ Personal loan , หนี้บัตรซิตี้เรดดี้เครดิต...เวลาฟ้อง จะถูกแยกหมายศาลฟ้องให้เป็นแบบ คดีใคร-คดีมัน ประเภทใคร-ประเภทมัน (จะไม่ฟ้องรวมกันให้เป็นคดีเดียว) 
ขอย้ำว่า...หนี้บัตรเครดิต VISA ของ"ซิตี้แบงค์"และ"UOB" จะเป็นหนี้ประเภทที่ถูกฟ้องเร็วที่สุด และจะไม่ถูกนำไปฟ้องรวมกับหนี้ประเภทอื่นๆ อาทิเช่น สินเชื่อ หรือ บัตรกดเงินสด ซึ่งกว่าจะฟ้องก็ต้องใช้เวลานานประมาณ 1ปี หรือ 1ปีกว่าขึ้นไป...แต่บัตรเครดิต VISA ของซิตี้แบงค์ หรือของ UOB ทั้งสองอันนี้ ถ้าหากเราได้รับหมายศาลแล้ว...ก็จะได้รับข้อเสนอราคา Hair-cut ที่งามสุดๆเช่นกัน 
 
สำหรับส่วนลดที่ทางเจ้าหนี้เสนอมาให้ ก็มีตั้งแต่ 30% , 40% , 50% , 60% , 70% แล้วแต่เงื่อนไขการเจรจา , เทคนิคการต่อรอง , นโยบายส่วนลดหนี้ของสถาบันการเงินนั้นๆ และ ความ“เน่า”ของหนี้ที่หยุดจ่าย 
 
เพียงแต่อยากให้มองว่า เงื่อนไขที่ทางเจ้าหนี้เสนอมานั้น เราจ่ายไหวไหม? น่าสนใจและรับได้หรือเปล่า? อย่าไปมองเพียงแค่ต้องการให้ได้ส่วนลดเยอะๆเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ให้พิจารณาว่าถ้าเราจ่ายไปแล้ว เราจะได้ลดเจ้าหนี้ไปอีกหนึ่งราย(ได้ลดศัตรูในการทวงหนี้ไปแล้วอีกหนึ่งที่) ที่เหลือก็ค่อยๆมาปลดหนี้ทีละรายต่อไป ตามกำลังและความสามารถ (แต่ต้องจ่ายไหวจริงๆนะ ห้ามไปกู้หนี้ยืมสินที่ต้องเสียดอกเบี้ยจากที่อื่นมาปิด Hair-cut อีก มิฉะนั้น มันจะไม่มีวันจบสิ้น)...ถ้าสามารถทำได้เช่นนี้ ก็จะสามารถปลดหนี้ได้โดยเร็ววัน 
 
และทั้งนี้ทั้งนั้น...ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้รายไหนๆ เงื่อนไขของการ Hair-cut ก็เหมือนๆกันหมดทั้งนั้น คือ 
การเสนอส่วนลดให้ในราคาที่งามมาก แต่ต้องจ่ายชำระคืนเพียง“งวดเดียว”เท่านั้น…โดยไม่มีการผ่อน (จ่ายปิด“ตูมเดียว”เพื่อปิดบัญชีหนี้เน่า) 
แต่ก็มีบางคนถามต่ออีกว่า...แล้วถ้าอยากได้ส่วนลด Hair-cut เนื่องจากหนี้ก้อนนี้มันเน่ามากพอสมควรแล้ว แต่เราไม่สามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”หรือ“ตูมเดียว”เพื่อปิดบัญชีได้...เราสามารถขอส่วนลดด้วย และก็ขอผ่อนต่อด้วย จะได้ไหม? 
 
ผมจะขอตอบว่า...ไอ้ได้น่ะ มันได้อยู่หรอกนะครับ แต่ทางฝ่ายเจ้าหนี้มันจะไม่ยอมให้คุณสามารถผ่อนต่อ ในระยะเวลานานๆหรอกนะครับ (เต็มที่สูงสุด มันก็ยอมให้ผ่อนได้ในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น) และส่วนลดที่มันจะให้ ก็จะแตกต่างกันไปด้วย ขอยกตัวอย่างให้ดูตามนี้นะครับ 
 
สมมุติว่าเมื่อปีที่แล้ว เรามีหนี้อยู่กับธนาคาร A เป็นจำนวนเงิน 80,000.-บาท แล้วเราก็หยุดจ่ายหนี้ตัวนี้มานานประมาณ 1 ปีแล้ว...โดย ณ.ปัจจุบัน(ณ.ตอนนี้) หนี้เงินต้น+ดอกเบี้ย ปาเข้าเป็นจำนวนเงิน 100,000.-บาทแล้ว โดยทางฝ่ายเจ้าหนี้ได้ติดต่อขอให้เราชำระหนี้ทั้งหมด เพื่อทำการปิดบัญชี โดยจะมีส่วนลดให้ด้วย ถ้าสามารถจ่ายแบบ“งวดเดียว”(ตูมเดียว)ได้ ก็จะให้ส่วนลดครึ่งหนึ่ง(50%) จากราคาหนี้ ณ.ปัจจุบัน (100,000.-บาท) 
 
ถ้าเราตอบกลับไปว่า จ่าย“งวดเดียว”ไม่ไหว ขอผ่อนได้ไหม...ราคามันก็จะเป็นไปตามนี้ครับ 
 
-ถ้าสามารถจ่าย“งวดเดียว”ได้...ก็จ่ายเพียง 50,000.-บาท เพื่อปิดบัญชี ส่วนลด 50% 
-ถ้าขอผ่อน 2 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 27,500.-บาท (รวม 2 งวดก็เป็นเงิน 55,000.-บาท) ลด 45% 
-ถ้าขอผ่อน 3 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 20,000.-บาท (รวม 3 งวดก็เป็นเงิน 60,000.-บาท) ลด 40% 
-ถ้าขอผ่อน 4 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 16,250.-บาท (รวม 4 งวดก็เป็นเงิน 65,000.-บาท) ลด 35% 
-ถ้าขอผ่อน 5 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 14,000.-บาท (รวม 5 งวดก็เป็นเงิน 70,000.-บาท) ลด 30% 
-ถ้าขอผ่อน 6 งวด มันก็จะบังคับให้จ่ายงวดละ 12,250.-บาท (รวม 6 งวดก็เป็นเงิน 75,000.-บาท) ลด 25% 
 
ก็แล้วแต่คุณไปพิจารณาเอาเองนะครับ ว่าอยากได้ส่วนลดในราคาแบบไหน 
 
และสุดท้ายแล้ว สำหรับคำว่า Hair-cut 
 
Hair-cut สามารถทำได้ตลอด 
 
ทุกช่วงเวลาหลังจากที่"หนี้"ของเรา"เน่า"แล้ว...ไม่ว่าจะเป็น 
 
- ก่อนได้รับหมายฟ้อง (แต่ต้องหยุดจ่ายนานๆ หลายๆเดือนซะก่อนนะครับ) 
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาล 
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี โดยรอขึ้นศาลอีกครั้งในนัดหน้านัด หรือนัดต่อไป (ศาลยังไม่ได้พิพากษา) 
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว และไปขึ้นศาลมาแล้ว โดยไปทำ"สัญญาไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ"ที่ชั้นศาลมาแล้ว 
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว และอยู่ในระหว่าง รอการจ่ายชำระหนี้คืนตามคำพิพากษา 
- ถูกศาลพิพากษาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายชำระหนี้คืน จนกระทั่งถูกอายัดเงินเดือน หรือถูกอายัดทรัพย์สินอยู่ในขณะนี้ 
 
เห็นไหมล่ะครับ ว่า Hair-cut สามารถทำได้ตลอดชีพจริงๆ 
 
แต่การ Hair-cut ที่ได้ราคางามที่สุด (หรือที่เรียกว่า "นาทีทอง" นั้น...มักจะอยู่ในช่วงของเวลาดังต่อไปนี้ 
- หยุดจ่ายนานเกิน 10 เดือนขึ้นไป 
- ได้รับหมายฟ้องแล้ว แต่ยังไม่ถึงวันที่ต้องไปขึ้นศาลในนัดแรก 
- ขึ้นศาลแล้ว แต่ยังอยู่ในระยะเวลาระหว่างการต่อสู้คดี อีกหลายนัด (ยังไม่ได้พิพากษา) 
ถ้าพ้นกำหนดช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไปแล้ว โปรโมชั่น "นาทีทอง" อาจหมดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำ Hair-cut ไม่ได้...เพียงแต่ว่า อาจไม่ได้ราคางามๆตามโปรโมชั่นของ "นาทีทอง" ก็เท่านั้นเอง 
 
และที่สำคัญ การทำ Hair-cut จะต้องให้ทางเจ้าหนี้ออกเอกสาร 
 
ยืนยันว่า จะลดหนี้ให้ตามเงื่อนไขที่เจรจาตกลงกันไว้ ด้วยทุกครั้ง 
 
โดยเราต้องได้รับหนังสือยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางเจ้าหนี้ 
 
ก่อนที่จะทำการจ่ายชำระ Hair-cut ใดๆ  
 
อย่าไปจ่ายหนี้ที่ตกลงกันด้วยวาจาผ่านทางโทรศัพท์โดยเด็ดขาด (สัญญาหรือข้อตกลงใดๆ ที่เป็นแค่วาจาหรือ“ลมปาก” ไม่สามารถใช้เป็นข้อยืนยันตามกฏหมายได้) 
 
ขอย้ำอีกครั้ง...ถ้าคุณยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันการ 
 
ลดหนี้ (หนังสือ Hair-cut) เสียก่อน 
 
ห้ามจ่ายโดยเด็ดขาด...! 
 
ถูกหลอกให้จ่ายเงินเข้าไปเพื่อหักหนี้ในราคาเดิม(ไม่มีส่วนลด) โดยโกหกว่าจะยอมลดราคา Hair-cut ให้ 
ด้วยคำพูด หรือการรับปากกันทางโทรศัพท์ แต่แล้วก็ไม่ยอมทำ Hair-cut ให้จริงๆ 
 
มีลูกหนี้โดนหลอกมานับไม่ถ้วนแล้วนะครับ...ขอเตือน... 
 
<div class="kmsgimage" style="display: inline; font-size: 1em; padding: 0px 5px;">
<a href="http://debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/19459-attachment.jpg" rel="lightbox[imagelink749]" style="background-color: transparent !important; color: #5388b4; text-decoration: none;" title="19459-attachment.jpg"><img alt="19459-attachment.jpg" src="http://debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/19459-attachment.jpg" style="border: none; margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title="19459-attachment.jpg" /></a></div>
<div class="kmsgimage" style="display: inline; font-size: 1em; padding: 0px 5px;">
<a href="http://debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/2026.jpg" rel="lightbox[imagelink749]" style="background-color: transparent !important; color: #5388b4; text-decoration: none;" title="2026.jpg"><img alt="2026.jpg" src="http://debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/2026.jpg" style="border: none; margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title="2026.jpg" /></a></div>
 
 
ตัวอย่างหนังสือ Hair-cut สามารถไปดูได้จากกระทู้ใน Link นี้ 
 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=8&id=829&Itemid=52" rel="nofollow" style="background-color: transparent !important; color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=8&id=829&Itemid=52</a></div>
</div>
. 
<div>
 </div>
<div>
 
 
<div>
ระยะเวลา และขั้นตอนในการทวงหนี้ 
 
 
1. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ (1-2 เดือนแรก) โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ตัวจริง 
 
2. ทวงหนี้ทางโทรศัพท์ + จดหมายทวงหนี้ (ช่วงเดือนที่ 2-3) โดยเริ่มมีการเสนอให้ทำ"ประนอมหนี้" , "ปรับโครงสร้างหนี้" (ซึ่งสรุปก็คือหลอกให้ทำ"สัญญานรก"นั่นแหละ แต่เรียกชื่อให้มันดูไพเราะสักหน่อย ก็เท่านั้น) หรือ อาจโทรมาหลอกลวงให้ลูกหนี้ทำการ"จ่ายหยอด"เพื่อเดินบัญชี...เป็นต้น 
ข้อเสียของการ "จ่ายหยอด" เพื่อเดินบัญชี 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64" rel="nofollow" style="background-color: white; color: #5388b4; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 15.984375px; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=19608&Itemid=64</a> 
 
3. ส่งเรื่องออกไปให้สำนักงานกฏหมายข้างนอก ให้เป็นผู้ทำการทวงหนี้แทน ซึ่งเป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1(ช่วงเดือนที่ 4-6) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 20-30% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด) 
 
4. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 1 ทวงหนี้ไม่ได้ ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ให้มาทวงหนี้ต่อ (เดือนที่ 7-9) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 30-40% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด) 
 
5. ถ้าสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 2 ก็ยังทวงหนี้ไม่ได้อีก ก็เลิกจ้างมันทวง แล้วหันไปเปลี่ยนเป็นสำนักงานกฏหมาย ที่เป็นบริษัททวงหนี้ลำดับที่ 3 ให้มาทวงหนี้ต่ออีก (ช่วงเดือนที่ 10-12) พร้อมกับเสนอให้ส่วนลดในการ Hair cut ประมาณ 40-50% (แล้วแต่สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ จะเป็นผู้กำหนด) 
 
6. ถ้าเปลี่ยนสำนักงานกฏหมายทวงหนี้ไปตั้งหลายบริษัทแล้ว ยังไงก็ทวงไม่ได้สักที ก็ส่งฟ้องศาล (เดือนที่ 12 เป็นต้นไป จนถึงปีครึ่ง) โดยยังคงมีข้อเสนอเรื่องส่วนลดในการ Hair cut ให้อยู่ แต่เป็นราคาช่วงที่งามที่สุด (หรือที่เรียกกันว่า "นาทีทอง" ในการทำ Hair cut โดยสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ เป็นผู้กำหนดราคา) 
 
ดังนั้น หากมีลูกหนี้บางราย ที่เจ้าหนี้มันทำเรื่องฟ้องศาลช้ากว่าปกติ (เกินกว่า 1ปีครึ่งขึ้นไป) 
ลูกหนี้อาจถูกทวงหนี้โดยสำนักงานกฏหมาย(บริษัททวงหนี้) ที่ต้องถูกเปลี่ยนบริษัททวงหนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่ซ้ำหน้ากัน เกินกว่า 5บริษัททวงหนี้...จนกว่าหมายศาลฟ้องจะมา 
 
<hr class="bbcode_rule" style="background-color: white; border-bottom-width: 0px; border-left-width: 0px; border-right-width: 0px; border-top-color: rgb(204, 204, 204); border-top-style: solid; color: #515756; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; height: 1px; line-height: 15.984375px;" />
 
ข้อสังเกตุ : ณ ปัจจุบันนี้ มีบริษัทรับจ้างทวงหนี้ในประเทศไทยทั้งหมด ประมาณพันกว่าบริษัท 
 
ซึ่งบริษัทรับจ้างทวงหนี้พวกนี้ ส่วนใหญ่มักตั้งชื่อที่ใช้จดทะเบียนในนามนิติบุคคลว่า "สำนักงานกฏหมาย" หรือ "สำนักงานทนายความ" เพื่อสร้างความตกใจต่อลูกหนี้...เพราะในชื่อของบริษัทดังกล่าว มีคำว่า "กฏหมาย" หรือ "ทนายความ" ปรากฏอยู่ด้วย 
 
พอลูกหนี้ได้ยินหรือได้เห็นชื่อของบริษัททวงหนี้เหล่านี้ ก็มักเกิดความกลัวและคิดไปเองว่า "เรื่องหนี้ของฉัน ตกไปอยู่ในขั้นตอนของกฏหมายแล้วหรือนี่? , สงสัยจะโดนฟ้องแล้วแน่เลย?"...แต่โดยแท้จริงแล้ว บริษัทพวกนี้ มีอาชีพหรือรายได้หลักมาจากการ"รับจ้างทวงหนี้"เท่านั้น 
 
และถ้าหากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายแรก ไม่สามารถทวงหนี้ได้ตามที่ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างได้กำหนดไว้ (ซึ่งส่วนมากทางสถาบันการเงิน จะกำหนดให้บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ ต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือนเท่านั้น) บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ดังกล่าว ก็จะถูกทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) ทำการ"ถีบหัวส่ง"ออกไป...เพราะถือว่า"ไร้ความสามารถ"ในการทวงหนี้ให้ได้ภายใน 2-3 เดือน ตามที่เจ้าหนี้ตัวจริงได้กำหนดเอาไว้ 
 
แล้วหลังจากนั้น...ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปทำการว่าจ้างบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายใหม่ ให้มาทำการทวงหนี้แทนบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายเดิมที่ถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไป โดยกำหนดว่าจะต้องทวงหนี้ให้ได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน เช่นกัน 
 
หากบริษัทรับจ้างทวงหนี้รายที่สองนี้ ก็ยังไม่สามารถทวงหนี้กับลูกหนี้ได้ภายใน 2-3 เดือนอีก ก็จะถูก"ถีบหัวส่ง"ออกไปอีก แล้วทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง)ก็จะไปว่าจ้างบริษัททวงหนี้รายใหม่ ให้มาทวงหนี้แทนเหมือนเดิม...เป็น"วัฏจักร"เช่นนี้เรื่อยไปตลอด จนกว่าจะทวงหนี้ได้สำเร็จ(Hair cut สำเร็จ) หรือจนกว่าจะฟ้องศาล ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานเป็นปี 
 
ในเมื่อ"บริษัทรับจ้างทวงหนี้"ในประเทศไทย มันมีจำนวนมากมายนับพันบริษัท 
ทางสถาบันการเงิน(เจ้าหนี้ตัวจริง) จึงสามารถใช้บริการว่าจ้างบริษัทไหนก็ได้ โดยเรียกมาใช้งานได้โดยง่าย และก็สามารถ"ถีบหัวส่ง"เปลี่ยนให้ออกไปได้ง่ายๆเช่นกัน หากไร้น้ำยาในการทวงหนี้ได้สำเร็จ 
 
แล้วอีกอย่างหนึ่ง บริษัทรับจ้างทวงหนี้เหล่านี้ ก็ไม่ได้มีรายได้เป็นเงินเดือน สำหรับค่าว่าจ้างในการทวงหนี้จากทางเจ้าหนี้ตัวจริง แต่จะได้รับเป็น"เงินค่าคอมมิชชั่น"ตามจำนวนเงินที่ทวงหนี้มาได้สำเร็จ (ก็คล้ายๆกับอาชีพ"เซลล์แมน"ขายของนั่นแหละ หากขายของได้ ถึงจะได้ค่าคอมมิชชั้น หากขายของไม่ได้ก็"อด") 
 
ด้วยสาเหตุนี้...จึงเป็นบ่อเกิดแห่ง"การทวงหนี้ที่ไร้จริยธรรม"จากบริษัทที่รับจ้างทวงหนี้บางราย ซึ่งใช้วิธีการทวงหนี้แบบเลวๆ ในลักษณะของการข่มขู่และกดดันลูกหนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เงินมาจากลูกหนี้ไห้ได้(ไม่งั้นจะโดน"ถีบหัวส่ง"และ"อด แdก ค่าคอมฯด้วย") จึงต้องใช้วิธีในการทวงหนี้แบบชั่วๆ หรืออ้างข้อกฏหมาย"มั่วๆ"เพื่อข่มขู่ลูกหนี้ต่างๆนาๆ 
 
หากใครโดนการข่มขู่ทวงหนี้ด้วยวิธีการเลวๆแบบนี้ ก็อย่าไปตกใจ สามารถไปดูวิธีการรับมือการทวงหนี้และการใช้สิทธิ์ปกป้องตนเองได้จากในกระทู้นี้ 
 
รู้ทันการทวงหนี้ / เตรียมรับมือการทวงหนี้ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=18758&Itemid=64" rel="nofollow" style="background-color: white; color: #5388b4; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 15.984375px; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=7&id=18758&Itemid=64</a></div>
</div>
<div>
 </div>
<div>
 </div>
<div>
“สัญญา_นรก” คืออะไร? 
 
“สัญญา นรก” ก็คือสัญญาที่ทางฝ่ายเจ้าหนี้หยิบยื่นเงือนไขให้กับลูกหนี้ หลังจากที่ลูกหนี้หยุดชำระหนี้บัตรเครดิต หรือหยุดชำระหนี้สินเชื่อ มานานสักระยะหนึ่งแล้ว(หยุดจ่ายประมาณ 2 เดือนขึ้นไป) โดยทางเจ้าหนี้จะเสนอให้ทางฝ่ายลูกหนี้กู้เงินก้อนใหม่จากทางเจ้าหนี้ เพื่อไปปิดหนี้ตัวเดิมที่ได้หยุดจ่ายไป แล้วมาผ่อนต่อในสัญญาเงินกู้ตัวใหม่นี้แทน โดยเสนอว่าจะลดดอกเบี้ยให้ ยอดผ่อนจ่ายต่อเดือนน้อยลง แต่ระยะเวลาในการผ่อนจ่ายนานขึ้น(เช่น 4 - 5 ปี)เป็นต้น 
 
เงินกู้ก้อนใหม่ที่ได้มานี้ จะเอาไปใช้ปิดหนี้ที่ค้างชำระของเดิมเลยโดยตรง เงินก้อนนี้จะไม่ผ่านมือของลูกหนี้เลย 
 
ยกตัวอย่างเช่น นายพอเพียงมียอดหนี้บัตรเครดิตอยู่ 50,000 บาท แล้วนายพอเพียงก็หยุดจ่ายหนี้มานานประมาณ 3 เดือนแล้ว จนยอดหนี้กลายเป็น 56,200 บาท (ยอดหนี้เมื่อสามเดือนก่อน + ดอกเบี้ย + ค่าปรับล่าช้า) แล้วทางเจ้าหนี้ก็เสนอให้นายพอเพียงทำสัญญานรก เพื่อกู้เอาเงิน 56,200 บาท ไปจ่ายปิดหนี้ของบัตรเครดิต แล้วมาผ่อนหนี้กับสัญญานรกตัวนี้แทน ซึ่งคิดดอกเบี้ย 13% ต่อปี สามารถผ่อนได้ยาวนานถึง 5ปี(60งวด) โดยผ่อนงวดละ 1,546 บาท เป็นต้น 
 
สัญญานรกประเภทนี้ จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป(ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้แต่ละราย ว่าจะตั้งชื่อเรียกว่าอะไร) เช่น 
 
- สัญญาประนอมหนี้ 
 
- สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ 
 
- สินเชื่อศุภฤกษ์ 
 
- สินเชื่อรีไรท์ 
 
- สินเชื่อผ่อนสบาย (แต่ไปตายในภายภาคหน้า)...เป็นต้น 
 
ไม่ว่าจะมีชื่อเรียกเป็นอย่างไรก็ตาม ต่างก็เป็น“สัญญานรก”ทั้งนั้น เพียงแต่เรียกชื่อให้มันฟังดูไพเราะเสนาะหู ก็เท่านั้นเอง 
 
 
ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำ"สัญญา นรก" 
 
ข้อดีก็คือ 
 
- ได้ยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไป ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญาเดิม และอาจมีการเสนอรวมหนี้ให้ด้วย เช่น มีข้อเสนอว่าจะรวมหนี้ให้ทั้ง บัตรเครดิต+สินเชื่อบุคคล ให้มารวมเป็นยอดหนี้อยู่ในสัญญานรกเดียวกัน(สำหรับเจ้าหนี้รายเดียวกัน) พร้อมกับคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าเดิม โดยไม่เกิน 15% ต่อปี เป็นต้น 
 
- เจ้าหนี้ไม่โทรมาทวงหนี้ให้รำคาญ 
 
- เหมาะสำหรับพวกลูกหนี้“หน้าบาง” ที่กลัวคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้ เพราะกลัวจะอับอายขายขี้หน้า ทั้งๆที่เรื่องหนี้เป็นแค่เรื่องธรรมดา เป็นได้แค่เพียง“คดีแพ่ง” ไม่ได้ติดคุกติดตะราง เหมือนกับคดีของพวกที่ฆ่าคนตายหรือค้ายาบ้า 
 
- เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่ปิดบังความจริงเรื่องการเป็นหนี้ กับคนในครอบครัวของตนเอง โดยยอมที่จะซื้อเวลาออกไปอีกสักระยะ แต่ยอมที่จะพบกับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คิดแต่เพียงแค่ให้ปัญหาหนี้ มันผ่านพ้นเพียงแค่วันนี้ไปก่อน โดยไม่ยอมแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่เลือกที่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุไปวันๆ 
เปรียบเสมือนกับคนที่ป่วยเป็น“ไส้ติ่งอักเสบ” ซึ่งทางรักษาให้หายก็คือ ต้องไปหาหมอเพื่อผ่าเอาไส้ติ่งที่อักเสบออก จึงเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ 
แต่ถ้าดันไปกลัวหมอ กลัวเข็มฉีดยา กลัวการผ่าตัด ก็เลยเลือกที่จะไปซื้อ“ยาแก้ปวด”มากินแก้ปวดไปวันๆ ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการป่วยที่ปลายเหตุเฉพาะหน้า ยอมอดทนรอคอยวันที่ไส้ติ่งแตก และเมื่อวันนั้นมาถึงก็อาจสายเกินแก้แล้ว 
 
- วิธีนี้อาจเหมาะสำหรับลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้“เพียงรายเดียว”เท่านั้น และต้องเป็นยอดหนี้ที่ไม่สูงมากนัก 
โดยเมื่อคำนวนออกมาแล้ว ตัวลูกหนี้เองต้องมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถผ่อนจ่ายในระยะยาวได้จริงๆ เพราะถ้าหากในอนาคต ลูกหนี้เกิดตกงานหรือขาดรายได้ประจำขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถจ่ายตาม“สัญญานรก”ได้ดังเดิม วันนั้นแหละครับ ที่จะได้รู้ว่า“ไส้ติ่งแตก”มันเป็นอย่างไร 
<div class="kmsgimage" style="background-color: white; color: #515756; display: inline; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 15.984375px; padding: 0px 5px;">
<a href="http://debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/159173.jpg" rel="lightbox[imagelink6341]" style="background-color: transparent !important; color: #5388b4; text-decoration: none;" title="159173.jpg"><img alt="159173.jpg" src="http://debtclub.consumerthai.org/media/kunena/attachments/10551/159173.jpg" style="border: none; margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title="159173.jpg" /></a></div>
 
 
 
ข้อเสียก็คือ 
 
- เป็นการฉีกสัญญาตามในใบสมัครเดิมทิ้ง แล้วให้มาใช้เงื่อนไขตามใน"สัญญานรก"ฉบับใหม่ทันที 
 
- เป็นการแก้ไข“สัญญาที่ผิดกฏหมาย” เปลี่ยนให้มาเป็น“สัญญาที่ถูกต้องตามกฏหมาย” 
เหตุผลเพราะสัญญาฉบับเดิม เป็นสัญญาที่มีการคิด“ดอกเบี้ย”เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด (ตาม ปพพ.ของรัฐธรรมนูญ ให้คิดอัตราดอกเบี้ยได้สูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี) แต่สัญญาในใบสมัครบัตรเครดิต มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 20% ต่อปี , สัญญาสินเชื่อ/เงินกู้ มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 28% ต่อปี , สัญญาบัตรกดเงินสด มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 28% ต่อปี 
 
โดย“สัญญานรก”ฉบับใหม่นี้ จะมีการแก้ไขอัตราดอกเบี้ยให้ลงลด ไม่เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด (เป็นการเปลี่ยน“ดำ”ให้เป็น“ขาว” / เปลี่ยน“ชั่ว”ให้เป็น“ดี” / เปลี่ยน“ผิด”ให้เป็น“ถูก”)...เพื่อที่เวลาสู้คดีกันที่ชั้นศาล เจ้าหนี้จะได้ชนะคดี โดยสามารถอ้างต่อศาลได้ว่า ในสัญญาคิดดอกเบี้ยไม่เกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ลูกหนี้ก็จะแพ้คดีไปโดยปริยาย 
 
- เป็นการทำสัญญาประเภท“คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย”ที่ไม่เป็นธรรม(คิดดอกเบี้ยทบต้น) 
ถ้าดูกันเผินๆอาจมองได้ว่า...เออก็ดีนะ กับสัญญานรกตัวใหม่นี้ เพราะดอกเบี้ยถูกลงไปตั้งเยอะเลย เหลือแค่ 13% ต่อปีเท่านั้นเอง...แต่ในความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ 
 
เหตุผลจากกรณีตัวอย่างของนายพอเพียง ที่ถูกหลอกให้ทำสัญญานรก โดยเอายอดเงิน 56,200 บาท มาเป็นเงินต้นในสัญญานรก แทนที่จะเอาเงินต้นที่ 50,000 บาทมาเป็นเงินต้นในสัญญา ซึ่งเป็นการโกงโดยใช้วิธี“คิดดอกเบี้ยทบต้น” เพราะเงินจำนวน 56,200 บาทนี้ เกิดจากการเอาเงินต้นเดิมที่ 50,000 บาท + ดอกเบี้ย + ค่าปรับล่าช้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงออกมาเป็นจำนวนเงิน 56,200 บาท 
ดังนั้นถ้าหากเอาจำนวนเงิน 56,200 บาทนี้ เป็นตัวตั้งของเงินต้นใหม่ในสัญญานรก ก็ถือเป็นการเอาดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตของเดิม(20% ต่อปี) มาทำเป็นเงินต้นด้วย เพราะเงินก้อนนี้มันได้ถูกบวกดอกเบี้ยมาเรียบร้อยแล้ว แล้วยังเอามาทำเป็นเงินต้นก้อนใหม่เพื่อคิดดอกเบี้ยใหม่ซ้ำเข้าไปอีก ในอัตรา 13% ต่อปีตามสัญญานรก 
ถ้าหากจะทำให้มันถูกต้องจริงๆ ก็ต้องเอาจำนวนเงิน 50,000 บาท มาทำเป็นเงินต้นสิครับ แล้วค่อยมาคิดดอกเบี้ย 13% ต่อปี จากเงินต้นที่ 50,000 บาท...จึงจะเรียกได้ว่า ไม่เอาดอกเบี้ยเดิมมาทบต้น...จริงไหม? 
 
คุณเคยคิดไหมว่า ตอนที่เรายังเป็น"ลูกหนี้ชั้นดี"อยู่(ยังไม่ได้หยุดจ่าย) ทำไมทางฝ่ายเจ้าหนี้มันถึงไม่คิดดอกเบี้ยกับเราที่ 13% ต่อปี (เสือกคิดดอกเบี้ยกับเราตั้ง 20-28% ต่อปีมาโดยตลอด) 
แต่พอเราเป็น"ลูกหนี้ชั้นเลว"(หยุดจ่ายแม่งหลายๆเดือน) กลับมาทำใจดี ลดดอกเบี้ยให้เหลือแค่ 13% ต่อปี แถมยังให้ผ่อนได้อีกตั้ง 5ปี 
 
แล้วทำไมมันถึงไม่คิดดอกเบี้ยกับเราที่ 13% ต่อปี เสียตั้งแต่ทีแรกเลยวะ? 
 
- หากมีหนี้หลายราย แล้วลูกหนี้ดันไปทำสัญญานรกไว้ทุกราย สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม ก็คือการจ่ายไม่ไหวเพราะมีหนี้มากราย แล้วก็ต้องหยุดจ่ายอยู่ดี 
 
- หากทำสัญญานรกไปแล้ว แต่จ่ายไม่ไหวหรือหยุดจ่าย จะถูกฟ้องเร็วมาก 
เหตุผลเพราะทางฝ่ายเจ้าหนี้ ได้ทำการแก้ไขสัญญาให้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยจะมัดลูกหนี้ให้“ดิ้นไม่หลุด”และไม่มีประเด็นต่อสู้คดีในทางกฏหมายด้วย แล้วเมื่อฟ้องคดี ทางฝ่ายเจ้าหนี้จะใช้สัญญานรกฉบับใหม่นี้ นำฟ้องต่อศาลโดยไม่อ้างถึงสัญญาฉบับเดิมเลยแม้แต่น้อย จึงไม่มีความจำเป็นต้องรอระยะเวลาให้เนิ่นนานออกไปอีก เพราะถึงอย่างไรทางฝ่ายเจ้าหนี้ก็ชนะคดีอยู่แล้ว 
 
- การขอส่วนลดหนี้ (Hair cut) หลังจากที่ไปทำสัญญานรกไว้แล้ว จะได้ราคา Hair cut ที่ไม่งาม 
เหตุผลคล้ายกับที่อธิบายไว้ข้างบน ก็ในเมื่อลูกหนี้ดันพลาดไปทำสัญญานรกเอาไว้แล้ว ทางฝ่ายเจ้าหนี้ก็ได้เปรียบเต็มๆในทางกฏหมาย กล่าวคือหากลูกหนี้หยุดจ่ายเมื่อไหร่ ก็ไปฟ้องศาลเพื่อบีบบังคับลูกหนี้ให้ชำระหนี้ได้เต็มตามจำนวนได้สบายเลย เพราะทางฝ่ายเจ้าหนี้มีโอกาสชนะคดีแบบใสๆ แล้วจะไปยอมขาดทุนโดยให้ส่วนลดหนี้(Hair cut)ให้กับลูกหนี้เยอะๆไปทำไม? 
 
- เป็นการตัดอายุความของหนี้ตัวเดิมทิ้ง แล้วให้เริ่มนับอายุความกันใหม่ หากหยุดจ่ายหนี้ของสัญญานรก 
ขอเตือนเพิ่มเติมว่า อายุความของ“สัญญานรก”นั้น...ส่วนใหญ่จะถูกจัดให้เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อ(ซึ่งมีอายุความ 5 ปี) แต่ก็มี“สัญญานรก”บางแห่ง แอบเขียนระบุในสัญญาไว้ว่าเป็นหนี้ประเภท“เงินกู้” สัญญานรกพวกนี้ก็จะมีอายุความเทียบเท่ากับ“สัญญาเงินกู้”ทันที(ซึ่งมีอายุความ 10 ปี) 
 
*** สามารถไปอ่านเพิ่มเติมเรื่อง“อายุความ” ได้จากในกระทู้นี้ ***  
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29" rel="nofollow" style="background-color: white; color: #5388b4; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; line-height: 15.984375px; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=7&id=813&Itemid=29</a> 
 
 
เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ 
 
ที่บอกว่า"ผ่อนสบาย"แล้วไปตายในภายหน้า มันเป็นอย่างไร</div>
<div>
 
</div>
<div>
 
</div>
<div>
 
<div class="kmsgbody" style="display: table; margin-top: 5px; min-height: 180px; padding: 10px 0px 0px; table-layout: fixed; width: 517px;">
<div class="kmsgtext" style="overflow: hidden; word-wrap: break-word;">
มีสมาชิกอยู่หลายๆท่านที่ตั้งคำถาม ถามมาอยู่บ่อยๆว่า 
 
- เพิ่งได้รู้จักเวปบอร์ดแห่งนี้ 
 
- เพิ่งได้เข้ามาอ่านความรู้ต่างๆ 
 
- เพิ่งได้รู้ความจริงว่า การทำ“สัญญา นรก” นั้น...มันเลวร้ายเพียงใด 
 
แต่...กว่าจะมารู้ก็พลาดท่าไปเสียแล้ว เพราะเพิ่งไปเซ็นต์ทำ“สัญญา นรก”ไปแล้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา 
 
แต่...ก็ยังไม่ได้ไปจ่ายเงินค่าผ่อนสำหรับ“งวดแรก”ของสัญญานรกเลยนะ เพราะเพิ่งเซ็นต์สัญญากันไปเมื่อไม่นาน ยังไม่ถึงวันที่ต้องผ่อนจ่าย“งวดแรก”เลย 
 
แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดี เพิ่งพลาดท่าไปหยกๆ พอมีทางออกช่วยเหลือบ้างได้ไหม? 
 
 
ฮะแอ่ม...ขอตอบว่า ยังพอมี“ทางออก”อยู่ครับ <img alt=":im_here:" class="bbcode_smiley" height="48" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/im_here.gif" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title=":im_here:" width="48" /> 
 
กล่าวคือ “สัญญานรก”หรือสัญญาใดๆ ที่เกิดขึ้นจากความผูกพันมาจากสัญญาในตัวเดิม แล้วนำมาเชื่อมโยงเพื่อเปลี่ยนให้เป็นสัญญาตัวใหม่นั้น จะยังไม่มีผลสมบูรณ์ในทางกฏหมาย 
ความสมบูรณ์ของ“สัญญาตัวใหม่”ในทางกฏหมาย จะสมบูรณ์จนสามารถเอาไปฟ้องร้องให้เป็นคดีความได้...ก็ต่อเมื่อ 
 
- ต้องมีการทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีลายเซ็นต์ของ ผู้กู้(ลูกหนี้) , ผู้ให้กู้(เจ้าหนี้) , เอกสารประกอบในการขอกู้(สำเนาบัตร ปชช. , สำเนาทะเบียนบ้าน)...เป็นต้น 
- ในสัญญาตัวใหม่ จะต้องมีการกำหนดจำนวนเงินที่ขอกู้เอาไว้ชัดเจน , อัตราดอกเบี้ย(เท่าไหร่)? , ผ่อนกี่งวด? , ผ่อนงวดละกี่บาท? 
- หลังจากที่เซ็นต์ลงนามลายมือชื่อในสัญญาตัวใหม่ ครบทุกลายเซ็นต์เรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการจ่ายเงินผ่อนเข้าไปด้วย“อย่างน้อยหนึ่งงวด” สำหรับสัญญาตัวใหม่นี้ 
 
หากองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ในสามข้อข้างบนนี้“ไม่ครบ”(ขาดไปข้อใดข้อหนึ่ง)...ก็จะถือว่า สัญญาตัวใหม่ฉบับนี้ “ไม่สมบูรณ์”ในทางกฏหมาย และไม่สามารถนำมาใช้บังคับในทางกฏหมายได้ 
 
ดังนั้น หากสมาชิกท่านใดที่พลาดท่าเสียที หลวมตัวไปเซ็นต์“สัญญานรก”ไปซะแล้ว แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินก้อนแรกเป็นค่าผ่อน...ก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ถ้าหากไม่ประสงค์จะทำสัญญานรกฉบับนี้ต่อไป 
 
ก็ไม่ต้องไปจ่ายเงินค่า“งวดแรก”สิครับ (นี่แหละครับ วิธีการปฎิเสธสัญญากันแบบง่ายๆ) 
 
แล้วสัญญามันก็จะไม่สมบูรณ์(เป็นโมฆะไปเอง) และถ้าหากฝ่ายเจ้าหนี้มันอยากจะฟ้อง มันก็จะต้องไปขุดเอาสัญญาตัวเก่า(ตัวเดิม)มาฟ้องตามขั้นตอนที่มันควรจะเป็น กระบวนต่างๆ มันก็จะกลับเข้าสู่ขั้นตอนตามปกติต่อไป 
 
ส่วนสำหรับสมาชิกท่านใด ที่พลาดท่าไปเซ็นต์สัญญาแล้ว แถมยังผ่อนจ่ายไปแล้วด้วย...ผมก็คงต้องกล่าวคำว่า 
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ...ไม่มีทางไปยกเลิกสัญญาได้อีกแล้วครับ (การที่ไปเซ็นต์ชื่อในสัญญา และไปจ่ายเงินให้ด้วย ในทางกฏหมายจะถือว่า เป็นการยอมรับสัญญาโดยความเต็มใจไม่ปฎิเสธ) 
แต่ไม่เป็นไรครับ...ขอให้สู้ต่อไป...ขอเป็นกำลังใจให้ 
ถึงจะพลาดทำสัญญานรก“สมบูรณ์”ไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าจ่ายไม่ไหวจริงๆ...ก็หยุดจ่ายซะเถอะครับ ทางออกอื่นๆยังมีอีก 
ถึงแม้มันจะไม่ง่ายเหมือนกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่เขาไม่ได้ทำ“สัญญานรก”ก็ตามที แต่ถ้าคุณยังไม่ยอม“หยุดจ่าย”...หนี้ของคุณก็จะไม่หยุดเช่นเดียวกัน</div>
</div>
.</div>
<div>
 
</div>
<div>
 
</div>
<div>
 
<div class="kmsgbody" style="display: table; margin-top: 5px; min-height: 180px; padding: 10px 0px 0px; table-layout: fixed; width: 517px;">
<div class="kmsgtext" style="overflow: hidden; word-wrap: break-word;">
. 
สูตรสำเร็จของการ Hair-cut...พูดง่ายๆก็คือ 
 
ถ้ามีตังค์ ก็เสียงดัง-เสียงใหญ่ ในการเจรจาขอลดหนี้ได้ง่าย 
แต่ถ้าไม่มีตังค์ ก็ไม่ต้องไปคุย...เอาไว้ให้มีเงินก้อนอยู่มือซะก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ 
.</div>
<div class="kmsgtext" style="overflow: hidden; word-wrap: break-word;">
 </div>
<div class="kmsgtext" style="overflow: hidden; word-wrap: break-word;">
 </div>
<div class="kmsgtext" style="overflow: hidden; word-wrap: break-word;">
"ตัวอย่าง"...ผู้ที่ใช้แนวทางของชมรมฯปลดหนี้ได้สำเร็จ 
 
หมดหนี้แล้วค่ะ เพราะความช่วยเหลือจากสมาชิกทุกท่าน 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40411&Itemid=64#43590" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&view=topic&catid=5&id=40411&Itemid=64#43590</a> 
 
กว่าจะถึงวันนี้ วันหมดหนี้ เย้ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=37654&catid=5" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=37654&catid=5</a> 
 
หมดหนี้หมดสินกันซะทีครับวันนี้ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=37058&catid=5" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=37058&catid=5</a> 
 
หมดหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อทั้งหลายแล้วค่ะ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=5&id=6360" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=10&func=view&catid=5&id=6360</a> 
 
จบสิ้นกันที...หนี้ (เน่า) ที่รัก 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=432&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=432&Itemid=29</a> 
 
หมดหนี้อีกราย 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=3077&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=3077&Itemid=29</a> 
 
หยุด 8 เดือน ปิดได้ 4 ใบ พร้อมขึ้นศาล 1 ใบจ้า 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&func=view&catid=2&id=49943" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&func=view&catid=2&id=49943</a> 
 
ความสุข เมื่อหมดหนี้ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=42914&view=flat&catid=5" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=42914&view=flat&catid=5</a> 
 
1ปี10เดือน สรุปเส้นทางปิดหนี้กอบัวทุกสถาบัน 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1099&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1099&Itemid=29</a> 
 
ในที่สุดเราก็มีเราวันนี้จนได้... ขอบคุณจริงๆ เป็นไทซะที 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=18829&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=18829&Itemid=29</a> 
 
เป็นไทแล้วครับ 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=6869&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=6869&Itemid=29</a> 
 
เส้นทางการปิดหนี้ของ 9 บัญชี 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1349&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=1349&Itemid=29</a> 
 
ขอบคุณwebนี้+คุณนกกระจอกเทศและเพื่อนๆทุกคนค่ะ 
<a class="bbcode_url" href="http://consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=2112&catid=2" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">consumerthai.org/debt/index.php?option=com_fireboard&Itemid=0&func=view&id=2112&catid=2</a> 
 
ลำนำ แห่งหนี้ มาได้ ก็จากได้ อย่าได้แคร์ 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=24066&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=24066&Itemid=52</a> 
 
ขอมอบกำลังใจแด่ทุกคนที่ยังต่อสู้กับหนี้ค่ะ 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=24835&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=24835&Itemid=52</a> 
 
ประสบการณ์"ปลดหนี้"ตามแนวทางชมรม... (ของพี่ mom23) 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=2393&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=2393&Itemid=29</a> 
 
วันนี้ก็มาถึง 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=33840&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=33840&Itemid=52</a> 
 
4 ปีกับการทุกข์ทรมาณ แต่ตอนนี้ ...หมดหนี้แล้ว (โว้ยยยยยย <img alt="^^" class="bbcode_smiley" height="50" src="http://debtclub.consumerthai.org/components/com_kunena/template/default/images/emoticons/kapook_43489-2.gif" style="margin: 0px; max-height: 800px; max-width: 100%; padding: 0px;" title="^^" width="50" />) 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=29211&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=29211&Itemid=52</a> 
 
และแล้ว หนี้บัตรก็เป็น 0 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=18253&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=18253&Itemid=52</a> 
 
ต้องหยุด ถ้าไม่หยุด ไม่มีฟ้าหลังฝนแน่ 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=25785&Itemid=64" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=25785&Itemid=64</a> 
 
ขึ้นศาล Citi advance วันที่ 21 ธ.ค 54 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=236&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=236&Itemid=52</a> 
 
มาได้ครึ่งทางแล้วค่ะ เหลืออีกครึ่งทาง เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=19069&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=19069&Itemid=29</a> 
 
ชีวิตใหม่ ที่ไม่มีหนี้ 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=35293&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=35293&Itemid=52</a> 
 
ใกล้เป็นไทแล้ว กับ ไถธนาคาร 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=17513&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=17513&Itemid=29</a> 
 
ขอเล่าเรื่องหนี้ที่ใกล้จะเป็นไท ด้วยนะครับ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=16672&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=16672&Itemid=29</a> 
 
ที่นี "Blog กำจัดหนี้" 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=16795&Itemid=29#16972" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=16795&Itemid=29#16972</a> 
 
หนี้ KTC เจ้าหนี้รายสุดท้าย 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=12619&Itemid=29" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=12619&Itemid=29</a> 
 
แชร์ประสบการณ์ "ปลดหนี้" ตามแนวทางของชมรมฯ (ใกล้เป็นไท) 
<a class="bbcode_url" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=29126&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=29126&Itemid=52</a> 
 
TMB ยังเคี่ยวอยู่ไหมค๊ะ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=9931&Itemid=52#17772" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=5&id=9931&Itemid=52#17772</a> 
 
สบการณ์เป็นหนี้และกำลังหมดหนี้ภายในไม่ช้านี้ 
<a class="bbcode_url" href="http://www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=34667&Itemid=52" rel="nofollow" style="color: #5388b4; text-decoration: none;" target="_blank">www.consumerthai.org/debtclub/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=6&id=34667&Itemid=52</a></div>
</div>
 
ลูกหนี้ เขียน:<div class="kmsgtext-quote" style="background-color: #f2f1ee; border: 1px dotted rgb(191, 195, 198); font-size: 12px; font-style: italic; margin: 5px 0px; padding: 5px;">
ถาม : วันนี้เจ้าหนี้โทรมา บอกว่าจะลดหนี้ให้ เหลือ20000 จากยอด60000 เขาจะให้เราส่งเอกสารภาระหนี้สินทั้งหมด เอกสารรายรับและค่าใช้จ่าย พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน เขาจะได้เอาไปยื่นเรื่องขอส่วนลดให้ อย่างนี้ถ้าเราส่งเอกสารให้เขาจะมีปัญหาตามมามั้ยค่ะ</div>
 เหตุผลที่ทางฝ่ายเจ้าหนี้ ต้องการให้ลูกหนี้ส่งเอกสารส่วนตัว เช่น  - สำเนาบัตรประชาชน 
- สำเนาทะเบียนบ้าน 
- สลิปเงินเดือน 
- และหลักฐานที่เป็นหนี้กับสถาบันการเงินอื่นๆ ทั้งๆที่เอกสารส่วนตัวของลูกหนี้ ส่วนใหญ่ ทางฝ่ายเจ้าหนี้เองก็มีอยู่แล้ว เพราะในตอนที่สมัคร บัตรเครดิต/สินเชื่อ มันก็บังคับให้ลูกหนี้ต้องถ่ายสำเนาเอกสารส่วนตัวต่างๆ แนบไปพร้อมกับใบสมัครด้วย มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถผ่านการอนุมัติได้...จริงไหม? แต่ที่พวกมันต้องการให้ส่งไปใหม่อีกครั้ง...ก็เพื่อ 1. แอบเอาไปทำเป็นสัญญา ประนอมหนี้ , ปรับโครงสร้างหนี้ (สัญญานรก) โดยอ้างว่าทางตัวลูกหนี้ได้ยินยอมแล้ว จึงได้ส่งเอกสารเหล่านี้มาให้ฝ่ายเจ้าหนี้ เป็นผู้ดำเนินการให้แทน 
วิธีป้องกันก็คือ ให้เขียนขีดคล่อม ด้วยข้อความประมาณว่า"เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ขอส่วนลดหนี้ กับธนาคาร xxxxxxx เท่านั้น"...ลงในสำเนาเอกสารทุกใบ ที่เป็นหลักฐานส่วนตัว 
 
2. เพื่อนำไปพิจารณาให้เกิดกระบวนการ "เร่งรัด" การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา...เช่น พิจารณาลดหนี้ให้ ว่าสมควรจะลดให้ได้เต็มที่ ได้ที่เท่าไหร่?...และถ้าหากการเจรจาลดหนี้นั้น เกิดไม่สำเร็จ...ก็จะได้รีบตัดสินใจ "ฟ้องโดยด่วนที่สุด" ก่อนที่เจ้าหนี้รายอื่นๆ มันจะมาชิงฟ้องตัดหน้าเอาไปเสียก่อน 
 
3. เพื่อทำการ Upadte ข้อมูลจากเอกสารต่างๆ ที่ทางลูกหนี้จัดส่งไปให้ เช่น บัตรประชาชน , ทะเบียนบ้าน , ที่ทำงาน...ว่าทางลูกหนี้ได้มีการโยกย้ายบ้านไปอาศัยอยู่ที่ใหม่หรือไม่? , ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ไหน? ...ที่อยู่ต่างๆของลูกหนี้ ณ.ปัจจุบัน ยังคงตรงกันกับข้อมูลที่ทางเจ้าหนี้จัดเก็บไว้หรือไม่?...เวลาทวงหนี้จะได้ตาม จิก , ข่มขู่ , ประจาน , กดดัน ได้ถูกต้องและตรงตัว...รวมทั้งการฟ้องและการส่งหมายศาลไปยังที่อยู่ของลูกหนี้(ตามมาตรา 17 ป.วิผู้บริโภค) จะทำได้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฏหมาย</div>
<div>
 </div>
<div>
 </div>
<div>
เครดิต <a class="kwho-admin" href="http://debtclub.consumerthai.org/index.php?option=com_comprofiler&task=userProfile&user=10551" rel="nofollow" style="background-color: #eff0f4; background-image: none; color: #5388b4; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 16px; line-height: 25px; margin: 0px; padding: 0px; text-align: center; text-decoration: none;" title="View นกกระจอกเทศ's Profile">นกกระจอกเทศ</a>   ๑  <a href="http://debtclub.consumerthai.org/">http://debtclub.consumerthai.org</a></div>

Hair-cut คืออะไร?..

"นิยาม" ของคำว่า Hair-cut Hair-cut ก็คือการจ่ายชำระมูลหนี้ ที่มีการค้างชำระกันไว้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ โดยมีข้อตกลงเจรจาเ...

อ่านเพิ่มเติม »

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 03, 2556

สมัครสมาชิก: บทความ ( Atom )

Welcome

ป้ายกำกับ

ข้อคิดที่ได้จาก Whiplash (2014) ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ

วิธีแก้ qTranslate plugin ทำให้ visaul Editor error ไม่ทำงาน เมื่ออัพเดท Wordpress 3.9

คุณอดทนต่อความล้มเหลว ได้กี่ครั้ง ?

9 วิธีพิชิตความเครียดในที่ทำงาน

5 คำ ที่ไม่ควรพูด

HOW CAN WE BE HAPPY ? เราจะมีความสุขได้อย่างไร?

WebSphere คืออะไร?

Hair-cut คืออะไร?..