ในงาน Barcamp Bangkhen ครั้งนี้ ผมมีหัวข้อที่อยากไปแชร์เรื่อง "Geek อย่างไรให้ไม่โสด" ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าจะได้รับความสนใจเกินคาด คนโหวตเต็มกระดาน คนฟังเต็มห้อง จนคนพูดกดดันเล็กน้อยถึงปานกลาง ><
แต่เท่าที่ฟังจาก Feedback ก็ออกมาค่อนข้างดี และก็มีหลายคนที่ไม่ได้ไปฟัง ขอเข้ามาว่าให้ Replay อีกรอบ .. แต่เนื่องจากไม่ได้อัดวิดีโอไว้ ก็เอาเป็นว่าจะเอาที่พูดในงานวันนั้นมาใส่ในบล็อกแทนละกันนะครับ (อาจจะไม่ได้อารมณ์เฮฮาเท่าฟังสด แต่ก็น่าจะมีประโยชน์กับทุกท่าน)
คำเตือน: ยาวมาก เพราะถอดเทปจากที่คุยในงานมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Geek อย่างไรให้ไม่โสด by @Khajochi
สวัสดีครับ ผม @Khajochi ครับ หรืออาจจะเรียกว่าเอ็มก็ได้ครับ
ก็ตอนนี้ผมทำงานเป็น Senior Software Engineer อยู่ที่บริษัท Thomson Reuters ครับ แล้วก็มีบล็อกของตัวเองอยู่ที่ Khajochi.com
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็ตามสไลด์ครับ
ส่วนตัวแล้ว ผมก็เป็น Geek ธรรมดาคนนึงนี่แหล่ะครับ แต่เนื่องจากว่ากำลังจะมีข่าวดี คือกำลังจะแต่งงานในช่วงปลายปีนี้ ระหว่างที่ประกาศไปว่าตัวเองจะแต่งงาน ก็ปรากฏว่ามีหลายต่อหลายคนมาก เข้ามาปรึกษาเรื่องความรัก ทั้งแอบรัก อกหัก ทะเลาะกับแฟน สารพัดเข้ามาเต็มไปหมด
พอผมถามว่าทำไมต้องมาปรึกษาผม เพื่อนมันก็ตอบว่า "ก็มึงไม่มีอะไรจะเสีย" (ฮาทั้งห้อง)
ถ้าใครได้เคยเข้าเว็บ Pantip เมื่อ 3-4 เดือนก่อน อาจจะคุ้นๆ กับภาพถ่าย Pre Wedding ในชุดนักเรียนนะครับ (ร้องอ๋อกันทั้งห้อง)
เอ่อ ... ทำไมเหรอครับ คือตัวจริงหน้าแก่ใช่ไม๊ครับ ฮะๆ
ก็เห็นอย่างนี้แต่ผมก็อายุ 30 แล้วล่ะนะครับ แล้วก็ในฐานะที่กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ก็เลยอยากขอมาแชร์ให้น้องๆ ที่ยังไปไม่ถึงจุดนั้นได้ประโยชน์ .. ว่าแต่ใครในห้องโสดบ้างครับ (80% ของคนในห้องยกมือ)
ก่อนอื่นเลย ผมมีแบบทดสอบมาให้ทุกคนลองเล่นกันครับ อยากให้ลองนั่งนึกดูนะครับว่า ครั้งล่าสุดที่คุณกำลังนั่งเล่นคอมฯ อยู่ แล้วก็มีเพื่อนพาสาวสวยน่ารักคนนึง มาแนะนำให้เราได้รู้จัก
ในตอนนั้น คุณรู้สึกเขิลอายมากที่จะคุยกับเธอ ผมอยากรู้ว่า First Impression ที่เกิดกับคุณในตอนนั้นเป็นอย่างไหนใน 4 ข้อนี้ครับ
- เก๊ก ทำเท่ห์ เงียบๆ (10% ยกมือ)
- หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา คือหยิบมาทำไมไม่รู้ แต่คือไม่มีแล้วมันไม่มั่นใจ ฮะๆ ( 35% ยกมือ)
- พูดคำสองคำ แล้วก็หันไปหน้าจอต่อ ( 30% ยกมือ)
- เกาหัว เกาโน่นเกานี่ ( 25% ยกมือ)
จริงๆ แล้วสิ่งที่คุณทำมันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะครับ เพียงแต่คุณรู้ไหมครับว่า ในมุมมองของผู้หญิงเนี่ย เค้ารู้สึกยังไงกับท่าทางเหล่านั้น
- การที่เราเก๊ก ขรึม มันทำให้เราดูเป็นคนจริงจัง ไม่เป็นมิตร ดูปิดกั้น ไม่เปิดรับคนอื่น
- หยิบมือถือขึ้นมา เราจะดูเป็นคนขาดความมั่นใจ
- พูดแล้วหันไปทำอย่างอื่นทันที แสดงออกว่าเราไม่สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่สนใจเขาเลย
- เกาโน่นนี่ อันนี้เสียบุคลิกมากครับ ดูเป็นคนไม่มั่นใจ
คุณเคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบผู้ชาย Geek ?
ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ผมได้ไปสอบถามผู้หญิงหลายๆ คน ไม่ใช่แค่จากวงการไอทีนะครับ ว่าพวกเค้ารู้สึกยังไงกับหนุ่ม Geek ทั้งหลาย
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อเลยว่า เกือบทุกคนจะตอบแบบเดียวกันหมด
เหตุผลหลักที่ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชาย Geek เพราะดูเป็นคนเก็บตัว, พูดจาไม่รู้เรื่อง (ฮา), สนใจอย่างอื่นมากเกินไป, ดูเป็นผู้ชายทื่อๆ ไม่โรแมนติค และสุดท้าย ไม่หล่อ !! (ฮาทั้งห้อง)
จำได้ไม๊ครับว่าครั้งสุดท้ายที่มีผู้หญิงมาบอกว่า ชอบคุยกับคณจังเลย คุยแล้วรู้สึกดี หรือคุณดูสนใจเค้าดีจังเลยนะ ... เคยมีไหมครับ ?
จากทั้งหมด 5 ข้อเนี่ย ... แน่นอนครับ ข้อสุดท้ายเราแก้อะไรไม่ได้ ก็พ่อแม่ให้มาเท่านี้
แต่ 4 ข้อที่เหลือ มันคือสิ่งที่แก้ไขได้ครับ ทั้งหมดนี้รวมกัน เรียกสั้นๆ ว่า "บุคลิกภาพ" ครับ
บุคลิกภาพ ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Personality
Personality มีรากศัพท์มาจากคำว่า Person ครับ คือความเป็นตัวคุณนั่นแหล่ะ
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ท่าทาง การพูดการจา ลุก นั่ง เดิน พูดคุย สบตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวคุณ
แล้ว Personality ในแบบ Geek เป็นแบบไหน ? ลองดูตัวอย่าง 3 คนนี้ครับ
- คนแรก Mark Zukerberg ก็เป็น Geek คนนึง ที่พูดไม่รู้เรื่อง แต่งตัวแปลกๆ ไม่สนใจอย่างอื่น
- L จาก Death Note ก็เป็น Geek ในอีกแบบหนึ่ง ที่มีท่าทางประหลาด เก็บตัว
- หรือ Geek อีกแบบที่เรียกว่า Geek หื่น
เพราะงั้นวันนี้เรามาช่วยกันลบภาพแบบนี้ออกไป เรามาหาวิธีให้พวกเราหลุดจากวงโคจรโสดกันเสียทีนะฮร๊าฟฟฟ (ฮา)
ถ้าเปรียบเทียบเป็นกราฟ แกน Y เป็น Smart หรือความฉลาด ส่วนแกน X เป็น Personality หรือบุคลิกภาพ
ผู้หญิงเค้าจะชอบผู้ชายใน Area ขวาบนครับ คือฉลาดและมีบุคลิกภาพที่ดี เป็นคนเปิดกว้าง น่าคบหา น่าเข้าไปพูดคุยด้วย อยู่ด้วยแล้วมีความสุข
แล้วคุณคิดว่า Geek อยู่จุดไหนของกราฟนี้ครับ ?
ใช่ครับ มุมซ้ายบน คือ Geek เนี่ย ฉลาดแน่นอนครับ เราพัฒนาเรื่องความฉลาดกันเต็มที่ เราฝึกเขียนโปรแกรม อ่านข่าว เรียนโน่นนี่ ทำได้ทุกอย่างหลากหลายมาก
เราพัฒนาทุกอย่างเพื่อให้เราฉลาดขึ้นครับ แต่เรากลับไม่เคยมาพัฒนาบุคลิกของเราเลย ครั้งสุดท้ายที่คุณฝึกพูด ฝึกการเข้าสังคม พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูน่าคบหา คือเมื่อไหร่ครับ ?
มีคนบอกผมว่า "Geek เป็นคนที่มีความสนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบด้าน ยกเว้นตัวเอง"
เราสนใจทุกอย่างครับ สนใจแล้วก็ทำได้ดีด้วย เราสนใจไอที เกมส์ โทรศัพท์ ฟุตบอล รถยนต์ เครื่องเสียง กีฬา เพลง ฯลฯ
เราสนใจทุกอย่าง .. ยกเว้นตัวเราเองครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าคนเป็น Geek ควรจะทำยังไงให้ไม่โสด .. ผมก็คงบอกได้ว่าคุณแทบจะไม่ต้องพัฒนาด้านความ Smart เลยครับ แต่สิ่งที่คุณควรต้องพัฒนาอย่งเร่งด่วนเลยคือการพูดการจา การเข้าสังคม การใช้ชีวิตประจำวันของคุณ
งั้นเราลองกลับมาที่คำถามแรกดูกันนะครับ ว่าในสถานการณ์แบบนี้ คุณควรจะทำตัวยังไง
อย่างแรกเลยครับ ถึงแม้คุณจะเขิลกับความน่ารักของสาวๆ ผมอยากให้คุณยิ้มครับ ยิ้มมากยิ้มน้อยไม่สำคัญ แต่การยิ้มเป็นการบ่งบอกถึงการเปิดกว้าง พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามา
คุณเคยไปทักผู้หญิงซักคน แล้วเขายิ้มรับตั้งแต่แรกก่อนที่จะตอบอะไรด้วยซ้ำไหมครับ ^___^ ?
มันทำให้คนที่เข้ามาหารู้สึกดีใช่ไหมครับ
- จากนั้น ให้คุณหยุดทุกสิ่งที่อย่างที่ทำอยู่ หยุดกิน หยุดทวีต ปิดมือถือ หันไปสนใจเธอคนนั้น
- พยายามแนะนำตัวเองก่อนครับ
- "สวัสดีครับ พี่ชื่อเอ็มครับ เป็น Developer ครับ น้องชื่ออะไรเอ่ย ?"
- ลองถามคำถามง่ายๆ เพื่อให้ได้พูดคุยเพิ่มเติม
- "อ๋อ .. ชื่อจอยเหรอครับ เอ๊ะจอยเรียนวิศวะเกษตรใช่ไม๊ รู้จักกับโจ้รึเปล่าครับ เป็นรุ่นพี่เราสองปี .. ใช่ๆ นั่นเพื่อนสนิทพี่เลย บลา บลา บลา ..."
- สำคัญคืออย่าหม้อครับ อย่าเล่นมุขเห่ยๆ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก Geek อย่างคุณทำได้ไม่เนียนหรอกครับ เชื่อผมเถอะ
เห็นไหมครับ ว่ามันดูดีขึ้นกว่าตอนแรกตั้งเยอะเลย
และผมก็มี 6 คำขอร้อง ... ที่สาวๆ ฝากมาบอกให้หนุ่ม Geek ช่วยปรับปรุงตัวเองหน่อยเถอะ ดังนี้ครับ
1. ยิ้มกว่านี้หน่อยเถอะนะครับ หนุ่ม Geek จริงๆ แล้วก็เป็นคนน่ารักนะครับ ถ้ารู้จักยิ้มให้มากกว่านี้ พูดคุยกับเพื่อนๆ ให้มากกว่านี้
ผู้หญิงชอบผู้ชายที่อารมณ์ดีครับ ชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุข
2. เก็บโทรศัพท์มือถือของคุณลงไปเถอะครับ เวลาคุยกัน กินข้าวกัน หรือเวลาเธออยากจะเล่าอะไรให้คุณฟังซักอย่าง
ผู้ชายเราจะเคยชินกับการทำโน่นนี่ไปด้วยคุยไปด้วย แต่คุณเคยเห็นเวลาผู้หญิงคุยกันไหมครับ เค้าจะหันหน้าเข้าหากัน ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด
3. ลดเวลาบนหน้าจอลง 20% ถ้าคุณเล่น Dot A วันละ 2 ชั่วโมง คุณเล่นชั่วโมงครึ่งได้ไหมครับ ? ถ้าคุณหยิบมือถือมาทวีตทุก 20 นาที คุณลดลงมาเป็น 30 นาทีครั้งได้ไหมครับ ?
แล้วก็เอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ครัีบ ไปเรียนโท เรียนทำอาหาร ชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย ไปฟิตเนส .. ถึงคุณอาจจะไม่ได้แฟนจากการไปกิจกรรมเหล่านี้ แต่มันจะช่วยพัฒนาการเข้าสังคมของคุณครับ
ครั้งสุดท้ายที่คุณเป็นคนเอ่ยปากชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล คือเมื่อไหร่ครับ ?
4. พยายามอย่าชกนอกลีกครับ คำนี้มาจากหนังสือ "คู่มือหาคู่ที่พ่อแม่ไม่เคยสอน" เค้าบอกว่า คนที่มาใช้บริการบริษัทจัดหาคู่เนี่ย ผู้ชาย 90% เลือกผู้หญิงจากแค่ 3 อย่าง คือ หน้าตา รูปร่าง และอายุ
คือผมเข้าใจครับ เพราะเราเติบโตมากกับการ์ตูนอย่าง I''s หรือ Video Girls ที่เด็กผู้ชายธรรมดาๆ ได้แฟนเป็นสาวสวยดาวโรงเรียน อย่าคิดแค่ว่าในโลกนี้ มีผู้หญิงแค่ 9 คนที่ร้องเพลง Oh! หรือ Gee .. ในโลกความเป็นจริงมันไม่มีหรอกครับ อยากให้ลองมองดูรอบๆ ตัวบ้าง
เชื่อไหมว่าผมเจอสาวๆ น่ารักในงานนี้เยอะมาก คือไม่ใช่ที่หน้าตา แต่นิสัยน่ารัก เดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทาย ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน อย่าพยายามชกข้ามรุ่นเลยครับ ไม่ต้องเป็นดาว แต่แค่คนนิสัยดีๆ น่ารักๆ ลองมองคนรอบตัวคุณสิครับ มีเยอะแยะเลย
5. มั่นใจในตัวเอง อย่ามัวแต่บ่นใน Facebook หรือ Twitter ครับ ว่าคนนี้น่ารักจัง อยากเข้าไปคุย .. บ่นไปแล้วเมื่อไหร่จะได้คุยครับ ? อย่ามัวแต่เป็นนักเลงคีย์บอร์ดอยู่เลย กล้าลุย กล้าพูด กล้าเข้าไปทำความรู้จัก
6. กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง Geek ส่วนใหญ่ชอบบอกว่า "ก็เป็นของกรูอย่างนี้แล้วจะทำไม เกิดมาก็เป็นแบบนี้แล้ว เค้าต้องยอมรับความเป็นตัวของเราสิ" เราเชิดชู idol ที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากจะเหมือนคนทั่วไป
แต่เป็นตัวของตัวเองได้ครับ ในเรื่องความคิด มุมมองชีวิต การตัดสินใจ .. แต่ในด้านพฤติกรรม ท่าทาง การพูดการจา คุณควรจะต้องประปรุงครับ อย่างน้อย
ขอแค่ 20% ก็พอครับ ลองทำตามคำแนะนำทั้ง 6 ข้อนี้ดู
สุดท้ายนะครับ ก่อนหมดเวลา 5 นาที ผมก็มี "เทคนิควิธีจีบสาว ในแบบ Khajochi" มาเล่าสู่กันฟัง
วิธีนั้นคือการ +1 ครับ ไม่ใช่ Google Plus +1 นะครับ แต่เป็นการเพิ่ม +1 ในสิ่งที่เราจะทำ
จริงๆ วิธีนี้เป็นวิธีที่คุณพ่อผมเคยสอนไว้ตั้งแต่เด็ก ว่าเวลาที่เราจะทำอะไรก็ตาม อย่าเพิ่งทำให้เสร็จ .. ให้วางงานนั้นไว้ตรงหน้าก่อน ถอยหลังไปซักหนึ่งก้าว แล้วใจเย็นๆ นั่งมองดูซิว่าเราจะสามารถเพิ่มอีกซัก 1 ขั้นได้รึเปล่า ?
ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติผมจะเขียนบล็อก ผมพิมพ์เนื้อหาไปหมดละ ใส่ Bullet ใส่สีลงไป
บล็อก +1 ก็คือทำไมเราไม่ลองใส่ภาพลงไปเพื่ออธิบายเรื่องราวดู .. เห็นไหมครับ มันดูน่าอ่านขึ้นเยอะเลย
สมมุติว่าคุณกำลังจะเมล์ชวนเพื่อนไปเที่ยวเสม็ด แทนที่จะเปิด Gmail แล้วพิมพ์อย่างว่องไว
ทำไมเราไม่หยุดซักพัก คิด +1 ลองหา Theme น่ารักๆ ซักอันนึง ใส่ประโยคฮาๆ มันดูน่าไปเที่ยวด้วยขึ้นเยอะเลยใช่ไหมครับ
แทนที่เราจะไปนั่งรถตู้อนุสาวรีย์ ทำไมเราไม่ลองคิด +1 ไปเช่ารถแล้วขับไปกันเองดู มันไม่แพงหรอกครับ วันละ 600-700 บาท หารกันหลายคนก็พอไปได้ แต่รับรองว่าคุณจะได้ความสนุก และสนิทกันมากขึ้นเยอะเลย
แทนที่เราจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อน +1 คือเราอาจจะไปยืมมือถือ DSLR เพื่อนมา แอบถ่ายมุมน่ารักๆ ของคนๆ นั้น คุณก็จะได้รูปที่ดูดีกว่าเดิมเยอะเลย
คนอื่นเอากีตาร์ไป +1 คือทำไมเราไม่ลองหัดเล่นดนตรีบนแท็บเล็ตหรือ Smart Phone ของคุณดูบ้าง .. มีนะครับ เพื่อนผมได้แฟนจากการเล่น Ukulele บนไอโฟนมาแล้ว มันดูเจ๋งกว่าตั้งเยอะเลย
กลับมาจากทะเล แทนที่จะมา check in 4sq ว่าถึงบ้านแล้ว ทำไมไม่ลอง +1 SMS ข้อความน่ารักๆ ไปขอบคุณที่มาเที่ยวกัน หรือโทรไปถามว่ากลับถึงบ้านแล้วรึยัง พอรู้ว่าถึงบ้านแล้วก็วางเลยครับ แค่ถามด้วยความห่วงใย
แทนที่เราจะโพสต์รูปบน Facebook แล้วก็ tag เพื่อนแบบคนอื่น ทำไมเราไม่ลอง +1 นั่งรถเมล์ไปเซ็นทรัลลาดพร้าว 12 บาท ข้ามไปฝั่งตรงข้าม แล้วอัดรูป 4P ใบละ 8 บาท
แล้วก็เลือกเอารูปน่ารักๆ เขียนข้างหลังว่า "ชอบรูปนี้นะ น่ารักดี" แอบเอาแปะไว้ที่จอคอมของคนนั้น แอบใส่ในสมุดเรียนก็ได้
มันดูน่ารักขึ้นเยอะเลยจริงไหมครับ
ตัวอย่างสุดท้ายคือเมื่อ 2 ปีก่อน ผมคิดว่าจะซื้อ iPod Nano ให้ @CherryJaja ครับ จริงๆ มันก็ดูดีอยู่แล้ว แต่พอมาคิด +1 ผมก็เลยสั่งซื้อออนไลน์เพื่อให้โรงงานพิมพ์คำอวยพร ไปบนเครื่องด้วย
แล้วก็เพิ่มความพิเศษอีกอย่างคือพอได้เครื่องมา ผมเอาเครื่องมาใส่เพลงรักเข้าไป 1,437 เพลง พอเค้าถามว่าทำไมต้อง 1,437 เพลง ผมก็บอกว่า นั่นคือจำนวนวันที่เราคบกันมา จนถึงวันนี้ครับ .. ซึ่งก็ทำให้เค้าปลื้มมาก แล้วทุกวันนี้ไปไหนก็จะพก iPod เครื่องนี้ไปด้วยตลอดเลยครับ :)
ซึ่งถ้ามองในเชิง Physical แล้วมันไม่มีอะไรยากเลยครับ สั่งออนไลน์ให้พิมพ์คำอวยพรใครๆ ก็ทำได้ อัดเพลงลงไปใครๆ ก็ทำเป็น .. มันอยู่ที่เราจะหยุดคิดซักนิดก่อนจะทำอะไรรึเปล่านั่นเองครับ
อย่าลืมนะครับ +1
Credit รูปน้องคนนั้น (ฮา) จาก @FordAntiTrust ครับ
สรุปนะครับ ถ้าถามว่าเราควรจะ "Geek อย่างไรให้ไม่โสด" ผมก็จะขอตอบว่า Geek ที่ฉลาดคิดแบบเราคนเดิม แต่ก็ฉลาดที่จะปรับปรุงการพูดการจา การเข้าสังคมให้มากขึ้น
Geek ที่ยิ้มแย้ม น่าคบหา สนใจคนรอบข้าง ไม่มองแต่นางฟ้า มองคนรอบตัวมากขึ้น มั่นใจในตัวเอง และทำอะไร +1
แล้วคุณก็จะเป็น Geek ที่น่ารัก และน่าสนใจสำหรับสาวๆ มากขึ้นเยอะครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ
^______^
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น