Welcome

Innovation distinguishes between a leader and a follower.

" นวัตกรรมแยกผู้นำกับผู้ตามออกจากกัน " Steve Jobs





ฮิดที่สุดในหมู่เด็กผู้ชายก็น่าจะเป็น

“เล่นดีดลูกแก้ว”



วิธีเล่น

  • ทำหลุมตื้นๆ สัก 2-4 หลุม หรือจะมากกว่านั้นก็ได้
  • กำหนดหลุม 1-2-3-4  โดยหลุมสุดท้ายคือเป้าหมาย
  • เล่นลูกแก้ว เล่นกันสองคนขึ้นไป เริ่มต้น ยืนห่างจากหลุมประมาณ 2 เมตร สลับกันโยนลูกแก้ว ให้ไปไกล้หลุมที่ 1
  • ใครอยู่ไกล้หลุมแรกก่อน ได้ดีดก่อน ถ้าดีดลงหลุมก็จะได้ดีดต่อ ถ้าดีดไม่ลงก็ผลัดให้คนต่อไปเล่น
  • ใครที่ดีดลงหลุมสุดท้ายก่อนจะได้เป็นเสือ  ถ้าเป็นเสือแล้วดีดลูกแก้วไปโดนของคนอื่น ก็จะได้กิน คือคนที่ถูกกินก็จะแพ้
  • ถ้าดีดโดนลูกแก้ว ก็จะได้ดีดต่อ และถ้าดีดลงหลุมก็จะได้ดีดต่อเช่นกัน
  • หากคนที่ไม่ได้เป็นเสือดีดโดนเสือก็เท่ากับถูกเสือกิน แล้วต้องแพ้
  • เกมส์จบลงด้วยการเหลือเสือตัวเดียว





เล่นตี่จับ
           วิธีเล่น  แบ่งเป็น 2 ฝ่ายเท่าๆกัน และจับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะเริ่มตี่ก่อน ฝ่ายที่ตี่ก่อน เริ่มเล่นโดยเลือกพวกของตนคนหนึ่งเป็นคนเข้าไปตี่ คนตี่จะออกเสียง "ตี่" หรือ "หึ่ม" เข้าไปในแดนฝ่ายตรงข้าม ในขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามต้องคอยยึดตัวไม่ให้กลับเข้าแดนของตนได้ จนกว่าจะขาดเสียงผู้นั้นต้องมาเป็นเชลยของฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าสามารถหนีกลับเข้าแดนตนได้ คนที่ถูกแตะจะกี่คนก็ตามต้องไปเป็นเชลยสลับกัน เมื่อมีฝ่ายของตนเป็นเชลย ผู้ที่ตี่คนต่อไปต้องพยายามช่วยพวกของตนกลับมาให้ได้ ฝ่ายตรงข้ามต้องคอยกันไม่ให้แตะกันได้ ถ้าแตะกันได้เชลยจะได้กลับแดนของตน เล่นกันเช่นนี้จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดตัวผู้เล่นก่อน ฝ่ายชนะมีสิทธ์จะให้ฝ่ายแพ้ทำอะไรก็ได้



เก้ลักหยบ , เข้หยบ , ซ่อนหา เรียกต่างไปตามท้องฐิ่น


ไม่มีอุปกรณ์ในการเล่น  รวมกลุ่มกันกี่คนก็ได้  มาทุมโม่ง(โอ..น้อยออก) ถ้าเหลือสองคน ก็ เป่ายิ้งฉุบ กัน  เสี่ยงว่าใครจะเป็นคนปิดตาหาเพื่อนๆ  คนที่ปิดตาต้องนับ 1-10  จบแล้วก็ตามหาเพื่อนที่ซ่อนแอบตามที่ต่างๆ  จนครบทุกคน  หากเจอใครแล้วคนนั้นจะต้องรอเพื่อนคนอื่นๆ  คนที่ปิดตาคนต่อไปก็จะต้องเป็นคนแรกที่หาเจอ




มอญซ่อนผ้า

ภาพ:Mon2.jpg
        สมัยผมยังทันอยู่นะ จะเล่นก็ต้องรวมคนมานั่งล้อมวงกัน 
        วิธีการเล่น
        มีผ้า 1 ผืน เป็นอุปกรณ์การเล่น จับไม้สั้นไม้ยาว เลือกคนที่เป็นมอญ คนอื่นๆ นั่งล้อมวง คนที่เป็นมอญถือผ้าไว้ในมือ เดินวนอยู่นอกวง คนที่นั่งล้อมวงอยู่จะร้องเพลง ระหว่างนั้นคนที่เป็นมอญจะทิ้งผ้าไว้หลังใครก็ได้ แต่ต้องพรางไว้เป็นว่ายังถือผ้าอยู่ เมื่อเดินกลับมา ผ้ายังที่อยู่เดิม ก็หยิบผ้าไล่ตีผู้อื่น ผู้เล่นนั้นต้องวิ่งหนีไปรอบๆ วง แล้วจึงนั่งได้ ผู้เป็นมอญจะเดินวนต่อไปหาทางวางผ้าให้ผู้อื่นใหม่ ถ้าใครรู้สึกตัวคลำพบผ้าจะวิ่งไล่ตีมอญไปรอบวง 1 รอบ มอญต้องรีบวิ่งหนีมานั่งแทนที่ คนไล่ก็ต้องเป็นมอญแทน
        บทร้องประกอบ "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ"







ลูกข่าง

ภาพ:S4010072.jpg
        จำนวนผู้เล่น ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น
        วิธีการเล่น
        ใช้เชือกพันรอบๆ ลูกข่าง ขว้างลงพื้นให้หมุนเมื่อลูกข่างล้ม ผู้เล่นคนต่อไปก็ขว้างตามผลัดกันขว้างไปเรื่อยๆ ให้ครบจำนวนผู้เล่น  ถ้าฮาร์ดคอหน่อย ก็จะ ต่างคนต่างขว้างมาครับ แล้วให้ มันชนกัน ใครล้มก่อนก็แพ้











เป่ากบ อันนี้ขาดไม่ได้ครับ ซื้ออุปกรมาพร้อมแล้ว อิอิ

แบ่งผู้เล่นเป็น 2 ฝ่าย เริ่มต้นด้วยการเป่ายางหนังสติ๊กกันคนละที เวลาเป่ามักโก้งโคั้งหรือนอนราบกับพื้นคล้ายกบ เป่าจนกระทั่งฝ่ายใดถูกกินโดยถูกยางของฝ่ายตรงกันข้ามไปช้อนเกยอยู่ก็ต้องเสียยางเส้นนั้นให้อีกฝ่ายหนึ่งไป



ผู้ชายจะเล่นเป่ากบ เพื่อสู้เอายางคู่ต่อสู้มาให้มากที่สุดครับ เอามาทำไมละ ก็เพื่อเอาไป เป็นของกำนันให้สาวๆครับ (555เจ้าชู้ตั้งแต่เด็ก)แบบว่า " นี่ๆเธอ เราชนะเป่ากบมา เราทำเพื่อเธอนะ หนังยางทั้งหมดนี้เรายกให้เธอ เอาไปร้อย ไว้ใช้โดดยางนะ เขิลลลล อิอิ  "






โดดหนังยาง

โดดหนังยาง ส่วนมากจะเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเล่นกัน (แต่เรามักจะมีเพื่อนผู้ชายสักคนอยู่ในกลุ่มเป็นตัวยืนเสมออย่างจำใจยอม) และเด็กผู้หญิงเกือบทุกคนเคยผ่านการกระโดดหนังยางมาก่อน ซึ่งก็มีทักษะตามความสามารถพอตัวแต่ละคนต่างๆ กันไป แล้วแต่หุ่น และความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวเป็นเรื่องของบุคคล ท่าไหนขอให้บอก โดดได้หมด และอย่าได้มีวันท้าประลองเลยทีเดียวเชียว เพราะจะต้องตื่นเต้นและเตรียมตัวฟิตมาอย่างดี ประหนึ่งจะไปแข่งยิมนาสติกกันเลยทีเดียว โตขึ้นมาก็มีนิสัยเป็นเด็กผู้หญิงนี่ล่ะ ช่างเมาท์ ช่างจัดการ จู้จี้ รักสวยรักงาม คล่องแคล่วปราดเปรียว รักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย และเวลาที่เป็นสุขคือการได้รวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนสาวคอเดียวกัน เม้าท์ไปด้วย กินไปด้วย บริหารเสน่ห์ไปด้วย อะไรจะสนุกและสุขเช่นนี้








หมากเก็บ

ใช้ก้อนกรวดที่มีลักษณะกลมๆ ก้อน เสี่ยงทายว่าใครจะเล่นก่อน โดยวิธีขึ้นร้าน คือ ถือหมากทั้งห้าเม็ดไว้แล้วโยนพลิกหงายหลังมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับอีกที ใครเหลือหินอยู่ในหินอยู่ในมือมากที่สุดคนนั้นเล่นก่อน

มีทั้งหมด หมาก 
 ๑. ใช้ก้อนหินจำนวน ๕ ก้อน
 ๒. นั่งล้อมวงบนพื้น หันหน้าเข้าหากัน ภายในวงด้านหน้าของผู้เล่นจะกลายเป็นลานที่เล่นหมากเก็บ
 ๓. ตกลงร่วมกันว่าใครจะเป็นผู้เริ่มเล่นก่อนหลังด้วยการซาลาหล้า ทุมซี้ตหรือวันทูโซ่มของสองคนสุดท้าย หรือบางครั้งจะใช้การชั่งก้อนหินให้ได้มากก้อนที่สุดเป็นผู้เล่นก่อนก็ได้ การชั่ง คือ การนำก้อนหินทั้งห้าก้อนมาใส่ในอุ้งมือ โยนหินขึ้นทั้งหมดแล้วใช้อุ้งมือข้างนั้นรับก้อนหินเอาไว้ ก้อนหินที่รับไว้ได้นั้นจะเป็นแต้มว่าใครจะได้เล่นก่อนหลัง ตามจำนวนที่ชั่งได้ ผู้ชั่งได้จำนวนมากมีสิทธิ์เล่นก่อน ผู้ที่ชั่งได้จำนวนรองลงไปก็เล่นในตามลำดับ ผู้ชั่งได้น้อยที่สุดเล่นเป็นคนสุดท้ายของแต่ละรอบ
 ๔. ผู้เล่นแต่ละคนจะพยายามเล่นหมากเก็บ ๕ หน่วยตามลำดับ หากพลาดก็ต้องให้คนอื่นเล่น เมื่อวนถึงตนเองก็ให้เริ่มจากที่ตนเองทำพลาดไว้เล่นต่อไปจนจบ ลำดับในการเล่นมีชื่อเรียกดังนี้ คือ หมากหนึ่ง หมากสอง หมากสาม หมากสี่ หมากห้า หมากแตะ หมากขิด หมากตั้ง หมากฝัด หมากเปลี่ยน และหมากตกเบ็ดเป็นลำดับสุดท้าย
 ๕. ผู้ชนะเป็นผู้กำหนดโทษให้ผู้แพ้กระทำตามสมควร แล้วเล่นต่อไปอีกจนเลิกรา
 ๖. ลักษณะการเล่นหมากแต่ละลำดับเป็นดังนี้
 ๗. หมากหนึ่ง  เอาก้อนหินห้าก้อนใส่มือแล้วกระจายหมากวางบนบนพื้นเรียกว่า “หว่าน”
 ๘. เลือกหินก้อนใดก้อนหนึ่งเป็นลูกโยน
 ๙. จับลูกโยนโยนขึ้น  แล้วใช้มือที่โยนนั้นเก็บหินก้อนที่หว่านไว้ แล้วรับก้อนลูกโยนอย่าให้ตกถึงพื้นและต้องเก็บหินไม่ให้สัมผัสก้อนอื่น ๆ ด้วย  หากสัมผัสหินก้อนอื่นหรือรับลูกโยนไม่ได้ถือว่า “ตาย” หมดสิทธิ์เล่นในรอบนั้นต้องรอจนกว่าเพื่อนจะตายแล้ววนมาถึงรอบของตน จึงจะเล่นต่อไปได้
 ๑๐. เก็บก้อนหินที่เหลือตามวิธีข้อ ๙ จนหมดทั้งสี่ก้อน จึงเล่น
 ๑๑. เอาก้อนหินใส่มือแล้วหว่านลงพื้น เลือกก้อนใดก้อนหนึ่งเป็นลูกโยน โยน     ขึ้นแล้วเก็บหมากบนพื้นให้ได้สองก้อนโดยไม่สัมผัสอีกสองก้อนที่เหลือเมื่อได้แล้วให้รับลูกโยนอย่าให้ตกถึงพื้น
 ๑๒. โยนลูกโยนแล้วเก็บก้อนหินที่เหลือสองก้อน รับลูกโยนเอาไว้แล้วรวบหมากทั้งห้าก้อนไว้ในมือหว่านลงเพื่อเล่น หมากสาม
 ๑๓.  เลือกลูกโยนแล้วโยนขึ้น รีบเก็บหมากหนึ่ง ๑ ลูก อย่าให้กระทบก้อนที่เหลืออีก ๓ ลูก แล้วรับลูกโยน
 ๑๔. โยนลูกโยนขึ้น รวบหมาก ๓ ลูก รอรับลูกโยน รวมหมากทั้งหมดแล้วหว่านเพื่อเล่น หมากสี่
 ๑๕. เลือกหมากเป็นลูกโยนโยนขึ้นแล้วรวบหมากทั้งสี่ลูกรอรับลูกโยน
 ๑๖. เอาหมากรวบไว้ทั้งห้าลูก โยนขึ้นลูกหนึ่ง อีกสี่ลูกวางกองบนพื้นแล้วรับลูกโยนเป็นการเล่นหมากห้า
 ๑๗. โยนลูกโยนขึ้น รวบหมากทั้งสี่ลูกแล้วรับลูกโยน
 ๑๘. เล่น หมากแตะ รวบหมากไว้ในมือ โยนลูกขึ้น กำหมากสี่ลูกแล้วเอามือสัมผัสพื้น รับลูกโยนเอาไว้
 ๑๙. เล่นอย่างข้อ ๑๘ อีก ๒ ครั้ง แล้วเตรียมเล่น หมากขิด
 ๒๐. แบ่งหมากใส่มือซ้าย ๒ ลูก ใส่มือขวา ๓ ลูก มือขวาโยนลูกโยนขึ้น มือทั้งสองกำหมากใช้นิ้วสัมผัสพื้นพร้อมกัน แล้วมือขวารับลูกโยน
 ๒๑. เล่นหมากขิดอย่างข้อ ๒๐ อีก ๒ ครั้ง เตรียมเล่น หมากตั้ง
 ๒๒. ต่อจากข้อ ๒๑ คือมีหมากอยู่มือซ้าย ๒ ลูก มือขวามี ๓ ลูก โยนลูกโยนในมือขวาขึ้นแล้ววางหมากในมือทั้งสองไว้บนพื้น มือขวารับลูกโยน
 ๒๓. โยนลูกโยนขึ้น มือทั้งสองรวบหมากข้างละ ๒ ลูกไว้ในมือ มือขวารับลูกโยน
 ๒๔. เล่นหมากตั้งดังข้อ ๒๒-๒๓ ให้ครบ ๓ ครั้ง แล้วเตรียมเล่น หมากฝัด
 ๒๕. ให้หมากอยู่ในฝ่ามือที่หงายประกบกัน โยนหมากทั้ง ๕ ลูกขึ้น มือขวาคว่ำไปประกบกับมือซ้ายที่หงายอยู่แล้วรับหมากให้ได้ทั้ง ๕ ลูก โยนหมากขึ้นทั้งหมดมือขวาหงายไปประกบมือซ้ายรับหมากไว้ทั้ง ๕ ลูก
 ๒๖. ทำอย่างข้อ ๒๕ อีก ๒ ครั้ง จะครบการเล่นหมากฝัด ๓ ครั้ง
 ๒๗. โยนหมากขึ้น มือขวาคว่ำไปประกบมือซ้าย รับหมากไว้อีก ได้แล้วมือทั้งสองใกล้พื้นแยกมือออก หมากจะกองบนพื้น มือขวาเลือกลูกโยน โยนลูกโยนขึ้น แล้วรวบหมาก ๔ ลูกบนพื้น รับลูกโยน เตรียมเล่น หมากเปลี่ยน
 ๒๘. หว่านหมากลงพื้น เลือกหมาก ๒ ลูกใส่ไว้ในมือขวา โยนหมากขึ้น ๑ ลูก      อีกลูกในมือขวาให้เปลี่ยนกับหมากบนพื้น คือวางหมากในมือลงพื้นขณะเดียวกันก็เก็บหมากบนพื้นลูกใดลูกหนึ่งมาไว้แทน แล้วรับลูกแทนให้ได้  ในขณะนี้จะเหลือหมากที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอีก ๒ ลูก
๒๙. โยนลูกโยนขึ้น วางหมากในมือขวาลงบนพื้น เก็บหมากบนพื้นลูกใดลูกหนึ่งจาก ๒ ลูกที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไว้ แล้วรับลูกโยน โยนลูกโยนขึ้นเพื่อเปลี่ยนหมากที่เหลืออีก ๑ ลูก แล้วรับลูกโยน
 ๓๐. เตรียมเล่น หมากตกเบ็ด หว่านหมากกระจายออก เลือกหมาก ๒ ลูกมาไว้บนฝ่ามือ ให้หมากวางบนโคนนิ้วก้อยกับนิ้วนาง ๑ ลูก มือขวาเก็บหมากบนพื้น ๑ ลูก แล้วรับลูกโยน
 ๓๑. วางหมากบนฝ่ามือขวา ๒ ลูก ให้วางบนโคนนิ้วก้อยกับนิ้วนาง ๑ ลูก อีกลูกวางบนโคนนิ้วก้อยกับนิ้วนาง ๑ ลูก อีกลูกวางบนโคนนิ้วกลางกับนิ้วชี้ โยนลูกหมากทั้งสองขึ้น มือซ้ายซึ่งมีหมากในมือ ๑ ลูก ให้รับหมากที่โยนเพิ่มอีกหนึ่งลูก ส่วนมือขวาเก็บหมากบนพื้น ๑ ลูกบนพื้นแล้วรับลูกโยน
 ๓๒. วางหมากดังข้อ ๓๑ เพื่อเล่นหมากตกเบ็ดโดยเก็บหมากที่เหลือบนพื้นอีก ๑ ลูก มือซ้ายจะมีหมากเป็น ๓ ลูก มือขวามี ๒ ลูก มือขวาโยนหมากทั้งสองขึ้น ใช้นิ้วชี้สัมผัสกับพื้นแล้วรับหมากไว้ ๑ ลูก อีกหนึ่งลูกให้มือซ้ายรับเอาไว้
 ๓๓. โยนลูกโยนในมือขวาขึ้น ใช้นิ้วชี้สัมผัสพื้น มือซ้ายรับลูกโยนรวมไว้กับหมากอีก ๔ ลูก
 ๓๔. จบสิ้นลำดับการเล่นหมากห้าหน่วย ผู้เล่นชั่งหมากให้ได้มากที่สุดเพื่อลงโทษผู้อื่นเป็นจำนวนเท่ากับที่ชั่งหมากได้
ประโยชน์  ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
------------------------------------










จ้ำจี้
ผู้เล่นนั่งล้อมวงกัน คว่ำมือทั้งสองลงบนพื้น คนหนึ่งเป็นคนจี้ โดยใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่นิ้วของผู้เล่นไล่ไปทีละนิ้วให้รอบวง พร้อมทั้งร้องเพลงไปด้วย  เมื่อร้องจบแล้ว จิ้มอยู่ที่นิ้วใดคนนั้นต้องพับนิ้วนั้นเข้าไป ผู้จิ้มก็เริ่มเล่นใหม่ไปเรื่อยๆ ใครต้องพับนิ้วทั้งหมดเป็นคนแรกแพ้
บทร้องประกอบ

 "จ้ำจี้มะเขือเปราะ กระเทาะหน้าแว่น
   พายเรืออกแอ่น กระแท่นต้นกุ่ม
   สาวๆ หนุ่มๆ        อาบน้ำท่าไหน
   อาบน้ำท่าวัด        เอาแป้งที่ไหนผัด
   เอากระจกที่ไหนล่อง เยี่ยมๆ มองๆ นกขุนทองร้องฮู้"










รีรีข้าวสาร
ให้ผู้เล่น คน ยืนหันหน้าเข้าหากันแล้วเอามือประสานกันไว้เหนือศีรษะเป็นซุ้มประตู ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ เกาะไหล่กันเดินลอดซุ้มประตูพร้อมกับร้องเพลงประกอบไปด้วย 

รี รี ข้าวสาร  สองทะนานข้าวเปลือก  เลือกท้องใบลาน  เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน คดข้าวใส่จาน
พานเอาคนข้างหลังไว้

พอเพลงจบคนที่เป็นซุ้มประตูก็จะลดแขนลงคร่อมตัวคนข้างหลังไว้ให้ได้ ดังนั้นคนที่อยู่หลังสุดก็จะต้องพยายามวิ่งลอดซุ้มประตูไปให้พ้น ถ้าถูกจับตัวได้ก็จะถูกคัดออกแล้วเล่นต่อไป





กงจักร
ผู้เล่นนำฝานํ้าอัดลม มาทับให้แบน เจาะรูตรงกลาง นำเชือกร้อยเข้าไปในรูตรงกลางถือเชือกไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง แกร่งเชือกให้เป็นเกลียวมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วดึงให้ฝาเบียร์จะหมุนอย่างรวดเร็ว






ตบแผละ ส่วนมากผู้หญิงเค้าจะเล่นกัน และมีเพลงมาร้องด้วย 

เป็นการละเล่นที่มีการใช้จังหวะการเล่นเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เด็กๆ มักเรียกว่า "ตบแผละ"  การละเล่นชนิดนี้ไม่มีผลแพ้ชนะเหมือนการละเล่นอย่างอื่น แต่ความสนุกสนานอยู่ที่บทร้องและจังหวะ  โดยการพนมมือแล้วยื่นไปข้างหน้า หันฝ่ามือประกบกัน แต่ละคำร้องผู้เล่นก็ต้องปฏิบัติตามบทร้องนั้น
เช่นตบบนก็ต้องตบมือข้างบน หรือตบหลังก็ใช้หลังมือตบกัน เป็นต้น

ตัวอย่างเพลง 
นางเงือกน้อย ตบ บน ตบ ล่าง ตบหน้า ตบหลัง ตบพร้อมๆกัน 

ยา หย่า ย่า แฟ๊บซักผ้า แฟซ่าสระผม ลูกอมโบตัน ยาสีฟันคอลเกต สบู่วิเศษๆ โอ้มเพี้ยง







ฉับโผล้ะ/ฉะโขล้ะ
จำนวน  ตั้งแต่ ๑ คน ขึ้นไปหรืออาจจะแบ่งเป็นฝ่าย
อุปกรณ์  ๑. กระบอกไม้ไผ่ยาวประมาณ ๑ ฟุต มีรูปล้องขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๗-๑๐ มม. เหลาไม้ไผ่ทำเป็นแกนใส่ลงในรูกระบอกไม้ไผ่ ใส่ด้ามให้มั่นคง แข็งแรง ปลายไม้มีขนาดสอดในรูกระบอกไม้ไผ่มีความยาวน้อยกว่ากระบอกไม้ไผ่ประมาณ ๒ ซม.
-----------------
ส่วนที่เหลือ ๒ ซม.
 ด้าม         กระบอกสวมPicture
----------------- 
 ๒. กระสุนทำด้วยกระดาษชื้นหรือแช่น้ำให้พองหรือให้ลูกมรายที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวซึ่งพอดีกับรูกระบอกไม้ไผ่ บางครั้งก็ใช้ยางลบ
วิธีเล่น 
๑. ใช้กระบอกฉับโผล้ะบรรจุกระสุนโดยใช้ลูกมรายหรือกระดาษแช่น้ำจนพองบิเป็นก้อนเล็ก ๆ พอที่จะยัดใส่ลงในกระบอกฉับโพละได้ แล้วเอาไม้ที่เหลาเป็นแกนกดกระแทกกระสุนเข้าไปในรู ประมาณ ๑ ใน ๓ หรือ ครึ่ง กระบอกแล้วอัดโดยแรง กระสุนจะพุ่งออกไปพร้อมกับเสียงดัง”โพล้ะ”    หากกระสุนไปถูกอวัยวะส่วนไหนก็จะเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ไม่ควรจะยิงที่ส่วนหัว หรือที่ตา เพราะอันตราย
๒. คนที่ยิงถูกฝ่ายตรงข้าม หรือยิงเข้าเป้ามากกว่าเป็นฝ่ายชนะ
ประโยชน์
๑. ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
 ๒. ฝึกความแม่นยำและฝีมือ



โมราเรียกชื่อ , ปาน่อง , ปาปิงปอง  ( เป็นการละเล่นที่ทำให้ น่องเป็นจํ้าวงวง กลับบ้านโดนถามทุกที ไปทำไรมา อิอิ)
ใช้ลูกปิงปอง โยนขึ้นฟ้าสูงเหนือหัวราวหนึ่งช่วงตัว แล้วเอ่ยชื่อคนอื่น ให้เข้ามารับลูกปิงปอง ที่ตกกระเด้งขึ้นมาจากพื้น หนึ่งครั้งเท่านั้น หากวิ่งมารับไม่ทันในการกระดอนหนึ่งครั้ง ถือว่ารับไม่ได้ ให้จับลูกปิงปอง แล้วขว้างให้โดนเด็กคนอื่น โดนใคร คนนั้นก็เสียหนึ่งแต้ม ถ้าไม่โดนคนอื่น ตัวเองก็เสียหนึ่งแต้ม เมื่อครบ หรือ แต้ม (แล้วแต่กำหนด) ก็ถูกทำโทษ จากเด็กทั้งกลุ่ม เรียกว่า ถูกจับ"ขึ้นแท่น" ยึนหันหน้าเข้าผนัง หันหลังออกมา ขาชิดกัน ให้เด็กคนอื่น เอาลูกปิงปองขว้างใส่น่อง ซึ่งมักจะเจ็บแปล๊บๆ และเป็นดวงกลมๆ แดงๆ จบรอบล้างแต้ม เริ่มเล่นกันใหม่

ข้อควรระวังของผู้แพ้ที่ถูกจับ ขึ้นแท่น หากยืนขาไม่ชิดกัน จนลูกปิงปองที่ถูกปามา รอดหว่างขา หรือคาระหว่างขา จะถูกทำโทษเพิ่ม โดยมีคำฮิตว่า รอด คา 10 หมายถึงว่า ถ้าปาลูกปิงปอง รอดขา จะได้รับรางวัลให้ปาเพิ่มอีก ครั้ง ส่วน คา 10 ก็เช่นกัน ถ้าปาแล้วติดคาหว่างขา จะโดนเพิ่มอีก 10

ความสนุกของการละเล่นนี้อยู่ที่ เด็กทั้งกลุ่มจะฮือล้อมวงก่อนโยนลูกปิงปอง เพราะตัวเองอาจจะโดนเรียกชื่อต้องวิ่งมารับให้ทัน เมื่อเรียกชื่อแล้ว เด็กที่เหลือ ก็จะฮือหนีออกห่างลูกปิงปอง เพราะกลัวโดนปาถูก หากเด็กที่ถูกเรียกชื่อรับลูกปิงปองได้ในการกระเด้งหนึ่งครั้ง ทุกคนก็จะฮือกลับมาล้อมวงรอเรียกชื่อใหม่อีกครั้ง รวมถึงจำชื่อเพื่อนๆ ที่ร่วมเล่นได้ไปในตัว






บอลลูน / บอลลูนโป้ง / ตี ต่อ เตย


เด็กแบ่งเป็นสองทีม เป็นทีมดักจับ กับทีมหนี โดยที่ทีมจับ แต่ละคนจะตั้งด่านวิ่งได้เฉพาะตามแนวเส้นตั้ง และเส้นนอน ของพื้นถนน ส่วนทีมหนี จะหลบหลีกวงแขนดักจับ วิ่งผ่านลงไปจนสุดด่าน แล้ววิ่งย้อนกลับขึ้นไปยังจุดเริ่มต้น ถ้าผ่านหมดทุกด่านก็ชนะ







เสือกินวัว

จำนวน  ๑๐-๒๐ คน
วิธีเล่น  
๑. สมมุติให้ผู้เล่นคนหนึ่งเป็นเสือ คนหนึ่งเป็นวัว
 ๒. ผู้เล่นคนอื่น ๆ จับมือกันเป็นวงกลม
 ๓. คนที่เล่นเป็นเสืออยู่นอกวงกลม ส่วนคนที่เล่นเป็นวัวอยู่ในวงกลม ซึ่งสมมุติเป็นคอกวัว
 ๔. เสือพยายามหาทางเข้าไปในคอกเพื่อจับวัว
 ๕. ถ้าเสือเข้าไปในคอกได้ วัวต้องพยายามวิ่งหนีออกนอกคอก และกลับเข้าคอกใหม่ คนที่จับมือเป็นวงกลมต้องพยายามกันไม่ให้เสือเข้าคอกหรือออกจากคอกได้ แต่ก็ไม่ต้องจับมือกันแน่นมากนัก
 ๖. ถ้าเสือจับวัวได้ก็เปลี่ยนคู่เล่นต่อไป
ประโยชน์
๑. ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
 ๒. ออกกำลังกาย




เข้ขึ้นบก
จำนวน อย่างน้อย ๔ คน เป็นจระเข้ ๑ คน
บทร้อง เข้เข้ไม่ขบ ลงเรือรบเข้ขบทันที
วิธีเล่น  
๑. เลือกคนที่เป็นจระเข้ ๑ คน
 ๒. คนที่ไม่ได้เป็นจระเข้ ให้ยืนอยู่บนที่สูงกว่าจระเข้ เช่น บันได เก้าอี้ โต๊ะ ก้อนหิน
 ๓. ทุกคนร้องยั่วจระเข้ว่า เข้ เข้ไม่ขบ ลงเรือรบ เข้ขบทันที แล้วก้าวลงมายืนใน
ระดับเดียวกับคนที่เป็นจระเข้
 ๔. จระเข้วิ่งไล่กัดคนที่ยืนอยู่ ถ้าแตะถูกคนใดที่วิ่งขึ้นไปบนที่สูงไม่ทัน คนนั้นก็เป็นจระเข้ต่อไป
 ๕. ถ้าจระเข้จับใครไม่ได้ ก็จะมีคนบอกว่า “เดือน ๑๒ น้ำท่วม” จระเข้ขึ้นมาบนบกได้ ก็จะไล่จับ จับถูกใคร คนนั้นเป็นจระเข้และเริ่มเล่นกันใหม่ จนกว่าจะเบื่อหรือเหนื่อยจึงหยุด
ประโยชน์
๑. ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
 ๒. ออกกำลังกาย
 ๓. ฝึกความว่องไวและไหวพริบของแต่ละคน
 ๔. ความสนิทสนม ความสามัคคี ระหว่างเพื่อน ๆ 
คำศัพท์
 เข้ = จระเข้
ขบ= กัด




หมากขุม (หมากหลุม)
จำนวน  ๒ คน
อุปกรณ์ เม็ดมะขาม (ก้อนหิน หรือลูกกวาดก็ได้ ๔๒ เม็ด เป็นหมาก)
----------------------------------------------------
๔ ๔ ๔ ๔
เมือง ข                  เมือง ก
๕ เม็ด                  ๕ เม็ด
๔     ๔     ๔     ๔
หลุมขนาดส้มเขียวหวานลงลึกได้ครึ่งหนึ่ง
---------------------------------------------------------
-
กติกา
 ๑. ผู้ได้หมากมากที่สุดเป็นผู้ชนะ
 ๒. แต่ละรอบ เมื่อวนหยอดหมากไปทิศทางใด ต้องวนไปทิศนั้นเสมอ เปลี่ยนรอบใหม่ จึงตัดสินใจใหม่ จะเหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมก็ได้
๓. การหยิบหมาก ต้องใช้หมากในเมืองของตน และมีมากพอที่จะเดินไปถึงเมือง ฝ่ายตรงข้ามได้ หากไม่มี หมดสิทธิ์เล่นในรอบนั้น
แผนผัง ๑. ขุดหลุม ๑๐ หลุมดังแผนผัง
 ๒. ใส่หมากในหลุมเมือง หลุมละ ๕ เม็ด หลุมอื่นหลุมละ ๔ เม็ด
 ๓. เลือกผู้เล่นก่อนเป็นผู้เดินหมาก
 ๔. เจ้าเมืองหยิบหมากทุกเม็ดในฝ่ายเมืองของตนขึ้นมา แล้วหยอดลงหลุมถัดไปทางซ้าย (หรือขวาทางใดทางหนึ่ง บางแห่งไม่ได้) หลุมละ ๑ เม็ดไปตามลำดับ
 ๕. หมดหมากในมือแล้ว ให้หยิบในหลุมถัดไปขึ้นมาทั้งหมด หยอดลงหลุมถัดไปตามทิศทางเดิม (เว้นหลุมที่หยิบขึ้นมา) จนหมดหมาก
 ๖. เล่นตามข้อ ๕ ไปเรื่อย ๆ จนกว่า หลุมถัดไปไม่มีหมากอยู่ในหลุม จึงมีสิทธิ์หยิบหมากในหลุมที่ติดกับหลุมว่าง (ในทิศทางเดิม) ไปเป็นสิทธิ์ได้ และหมดสิทธิ์เล่นในรอบนั้น
 ๗. เจ้าเมืองอีกฝ่ายหยิบหมากจากหลุมใดหลุมหนึ่งในฝ่ายเมืองของตนแล้ว จึงหยอดลงในหลุมถัดไปหลุมละเม็ดเหมือนข้อ ๔ ๕ และ ๖ แต่หลุมที่หยิบขึ้นครั้งแรกในรอบนั้นต้องมีหมากมากพอที่จะหยอดจนถึงหลุมเมืองตรงข้ามได้   หากไม่มีหมดสิทธิ์เดินหมาก ฝ่ายตรงข้ามจะได้สิทธิ์เดินต่อ
 ๘. เดินหมากจนกว่าไม่สามารถเดินได้อีกจึงยุติ นับหมากที่ตนได้ เจ้าเมืองฝ่ายใดได้หมากมากเป็นฝ่ายชนะและได้สิทธิ์เริ่มเล่นใหม่ตามข้อ ๔-๗
ประโยชน์ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน






“ปาดินน้ำมัน และ การเอามาปั้นเป็นทางคดเคี้ยว

“ปาดินน้ำมัน บำรุงสายตาและกล้ามเนื้อแขน”

เหล่าบรรดาเด็กผู้ชายจะนวดดินน้ำมันให้ได้ที่และพร้อมรบอยู่เสมอ ก่อนเล่นจะมีการเปรียบดินน้ำมันให้มีขนาดใกล้เคียงกัน จากนั้นจะผลัดกันวางที่พื้นเพื่อให้อีกฝ่ายปาใส่ ถ้าปาโดนแล้วหยิบติดขึ้นมาก็จะได้ดินน้ำมันลูกนั้นไปเลยทันที หรือบางทีก็จะนำดินน้ำมันมาทำเป็นเส้นทางคดเคี้ยวบวกกับอุปสรรคต่างๆแล้วเป่าดินน้ำมันเล็กๆให้ไปถึงปลายทางแข่งกันก็มี 



“ไพ่เขี่ย อยากได้ไพ่เด็ดก็ต้องดวลกันหน่อย”

สืบเนื่องจากสมุดอัลบั้มสะสมสติ๊กเกอร์แลกของเล่นไม่ว่าจะเป็นอัมบั้มเซ็นต์เซย่า ดราก้อนบอล สตรีทไฟเตอร์ ที่ต้องซื้อขนมยี่ห้อหนึ่งที่มีขนมอยู่ไม่กี่ลูก และก็แถมไพ่สติ๊กเกอร์ 8 ใบมาให้แปะสมุดสะสม ก็เป็นธรรมดาที่เราจะได้เจอชิ้นที่ซ้ำกัน ครั้นจะแลกกับเพื่อนมันก็ไม่สนุก จึงเกิดเป็นไพ่เขี่ย โดยกติกาง่ายๆคือการผลัดกันเขี่ยและใช้ชั้นเชิงเขี่ยให้ไพ่หน้าคว่ำอยู่เหนือไพ่หน้าหงายเท่านั้นเอง










“สารพัดไล่จับ เล่นง่ายได้สุขภาพ”

เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมทั้งเรื่องร่างกาย จิตใจและบำรุงสมอง มีวิธีการเล่นแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่นไล่จับผลไม้ ที่ผู้ถูกไล่จับจะถูกยกเว้นถ้าเอ่ยชื่อผลไม้ขึ้นมา ซึ่งอาจจะเปลี่ยนจากประเภทผลไม้เป็นอย่างอื่นก็ได้ บางที่ก็เล่นเป็นโปลิศจับขโมยเล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่ หรือถ้าย้อนไปมากกว่านั้นก็ต้องนึกถึงแปะแข็ง หรือปลาเป็นปลาตาย รวมไปถึงกระต่ายขาเดียวที่ต้องแบ่งทีมกันและผลัดกันเป็นกระต่ายขาเดียวไล่จับอีกฝ่าย 






ติดตาม บทความได้ครับ


ตอนอายุ 5-10 ขวบ คุณทำอะไรอยู่ ? ภาค 1 หนังสือเรียน ของเล่น และขนม

ตอนอายุ 5-10 ขวบ คุณทำอะไรอยู่ ? ภาค 2 การละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อน


 
JUNCTION X © 2013. All Rights Reserved. Powered by Blogger
Top